เอเอฟพี – แม่ลูกสองชาวทิเบตรายหนึ่งจุดไฟเผาตัวตายเพื่อประท้วงการกดขี่ข่มเหงในภูมิภาคแถบเทือกเขาหิมาลัยแห่งนี้ของจีน สื่อต่างชาติและกลุ่มสิทธิ รายงาน โดยนับเป็นการประท้วงพลีชีพลักษณะนี้หนที่สองในรอบ 8 วัน
ซังเย โซ เสียชีวิตหลังจากจุดไฟเผาตัวเองในเขตโจวหนี พื้นที่ที่ประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวทิเบตในมณฑลกานซูทางตะวันตกเฉียงเหนือของแดนมังกร แหล่งข่าวบอกกับวิทยุเอเชียเสรี (RFA) ซึ่งสนับสนุนโดยรัฐบาลสหรัฐฯ
กลุ่มรณรงค์ระหว่างประเทศเพื่อชนชาติทิเบต (ICT) ซึ่งมีฐานอยู่ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ระบุว่า สตรีวัย 36 ปีรายนี้ “เชื่อว่า” ตัดสินใจฆ่าตัวตายเพื่อเป็นการประท้วง ซึ่ง ICT ระบุว่าเกิดขึ้นที่ด้านนอก “อาคารที่ทำการรัฐ” แห่งหนึ่ง
RFA รายงานว่า การเผาตัวตายของเธอเกิดขึ้นนอก “กองบัญชาการตำรวจจีน” โดยครั้งนี้เป็นครั้งที่ 141 ในทิเบตและที่อื่นๆ นับตั้งแต่ปี 2009 และผู้ที่กระทำการเช่นนี้เสียชีวิตเกือบทั้งหมด
ทั้ง RFA และ ICT รายงานว่า สตรีรายนี้ใช้ชีวิตอยู่กับสามี , ลูกชาย และลูกสาว อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่รายหนึ่งในเขตโจวหนี แคว้นกานหนาน ปฏิเสธว่าไม่ได้มีการเผาตัวตายเกิดขึ้น เขาบอกกับเอเอฟพีว่า “ไม่ มันไม่ได้เกิดขึ้นเลย”
รายงานทั้งสองนี้ออกมาหลังจากที่เมื่อสัปดาห์ที่แล้วพ่อลูก 4 ชาวทิเบตรายหนึ่งเผาตัวตายในมณฑลเสฉวนทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีน ซึ่งเป็นบ้านของชาวทิเบตจำนวนมากด้วยเช่นกัน
ชาวทิเบตจำนวนมากกล่าวหารัฐบาลกลางว่ากดขี่ข่มเหงทางศาสนาและบ่อนทำลายวัฒนธรรมของพวกเขา ขณะที่กลุ่มชาวฮั่น ซึ่งเป็นประชากรส่วนใหญ่ของจีน โยกย้ายเข้ามายังดินแดนของชาวทิเบตมากขึ้นเรื่อยๆ
ปักกิ่งประณามการประท้วงเผาตัวตายเช่นนี้ละกล่าวโทษว่าเป็นความผิดขององค์ ทะไล ลามะ ผู้นำทางจิตวิญญาณของทิเบตที่ถูกเนรเทศ โดยระบุว่า พระองค์ใช้การประท้วงนี้เพื่อโหมกระพือเรื่องการแบ่งแยกดินแดน
ปักกิ่งยังระบุด้วยว่า พวกเขาเอาความเจริญมาสู่ทิเบต และค้ำจุนสิทธิทางศาสนาและสิทธิของชนกลุ่มน้อยในประเทศที่มีกลุ่มชาติพันธุ์ที่ได้รับการรับรองถึง 56 กลุ่ม
องค์ทะไล ลามะ ผู้ได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพซึ่งประทับอยู่ในอินเดียมาตั้งแต่ปี 1959 หลังจากการลุกฮือในทิเบตไม่เป็นผล เคยอธิบายถึงการเผาตัวตายเช่นนี้ไว้ว่าเป็นการกระทำด้วยความสิ้นหวังที่ตัวพระองค์ไม่มีอำนาจที่จะหยุดยั้งได้
Credit : http://manager.co.th/Around