ด้วยฉายา “ไข่มุกแห่งทะเลทราย” บ่งบอกถึงความสำคัญและล้ำค่าของเมือง พัลไมรา เมืองโบราณอายุ 2,000 ปีของกรีกโบราณ ในประเทศซีเรีย
พัล ไมรามีชื่ออาหรับว่า แท็ดมอร์ ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก แต่ขณะนี้ตกอยู่ในสถานการณ์อันตราย เนื่องจากเป็นสมรภูมิปะทะระหว่างกองกำลังรัฐอิสลาม กับกองทัพรัฐบาลซีเรีย ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา สองฝ่ายต่างเสีย กองกำลังรวมกันแล้วเกือบ 80 ราย
นับ จากมีข่าวตั้งแต่สัปดาห์ก่อนว่า กองกำลังไอเอสเคลื่อนกำลังเข้าประชิดเมือง กองทัพซีเรียต้องรีบส่งทหารเข้าไปสกัดกั้นทันที เพราะภายในเมืองมีวัดโบราณในสภาพสมบูรณ์ มีถนนหนทางที่ประดับแนวเสาหินไปตลอดเส้นทาง
เมืองพัลไมรามี ความหมายว่า เมืองแห่งต้นปาล์ม ส่วนแท็ดมอร์ หมายถึงเมืองแห่งอินทผลัม ตั้งอยู่ห่างจากกรุงดามัสกัสไปทางตะวันออกเฉียงเหนือ 210 กิโลเมตร
ปรากฏ ชื่อครั้งแรกในช่วงศตวรรษที่ 19 ก่อนคริสตกาล ในฐานะเส้นทางหยุดพักของคาราวานและเป็นที่ค้าขายแลกเปลี่ยนสินค้า บนเส้นทางสายไหม ระหว่างอ่าวเปอร์เซียกับทะเลเมดิเตอร์เรเนียน แต่ความสำคัญของเมืองมาโดดเด่นในยุคจักรวรรดิโรมัน ช่วงเริ่มต้นคริสต์ศวรรษที่ 1 และรุ่งเรืองมาตลอด 400 ปีจากนั้น
เป็น โอเอซิสที่ล้อมรอบด้วยเนินทะเลทราย พัลไมราพัฒนาสู่การเป็นนครแห่งความหรูหรา เนื่องมาจากการค้าเครื่องเทศ น้ำหอม ผ้าไหม และงาช้าง จากซีกโลกตะวันออก และยังมีงานรูปปั้นและงานกระจกจากฟาเนเชีย เมืองท่าโบราณชายฝั่งเมดิเตอร์เรเนียน
ในคริสต์ศักราช 129 จักรพรรดิเฮเดรียนแห่งโรมันประกาศให้พัลไมราเป็นนครอิสระจากโรมัน และในช่วงศตวรรษท้ายนี้เองเป็นช่วงที่เกิดสถาปัตยกรรมวัดชื่อดังขึ้นมากมาย ในเมือง ไม่ว่า อะโกรา และวัดบูชาเทพทั้งสามแห่งบาบิโลน ได้แก่ เทพเบล (Bel) เทพ Yarhibol หรือสุริยเทพ และเทพ Aglibol หรือเทพจันทรา
ต่อ มาเมื่อจักรวรรดิโรมันเกิดความระส่ำระสายทางการเมืองในศตวรรษที่ 3 พัลไมราจึงฉวยโอกาสประกาศตนเป็นเอกราช ผู้นำหญิง เซโนเบีย ปฏิวัตินำกองกำลังบุกขับไล่โรมันทางฝั่งตะวันตก และไล่เปอร์เซียทางฝั่งตะวันออก ก่อนสถาปนาตนเองขึ้นเป็นราชินี
ใน ปีค.ศ.270 ราชินีเซโนเบียชนะศึกทั้งมวลในซีเรียและส่วนหนึ่งของอียิปต์ พร้อมยกทัพมาประชิดทวีปเอเชีย ช่วงเวลาดังกล่าวทำให้ราชินีเซโนเบียเสียท่า เมื่อจักรพรรดิออเรเลียนแห่งโรมันบุกทะลวงเข้าเมืองพัลไมรา พร้อมสั่งนำตัวผู้นำหญิงกลับไปยังกรุงโรม พัลไมราจึงค่อยๆ เสื่อมถอยลง
มา ถึงยุคปัจจุบัน ก่อนที่จะเกิดวิกฤตสงครามกลางเมืองในซีเรียในเดือนมีนาคม ค.ศ.2011 หรือตรงกับพ.ศ.2554 มีนักท่องเที่ยวทั้งในประเทศและนานาชาติเดินทางเข้าไปเยือนพัลไมรา มากกว่าปีละ 150,000 ราย เพื่อเข้าไปชมรูปปั้นอันสวยงาม เสาหินอายุเกิน 1,000 ปี และสุสานที่ฝังศพมากกว่า 500 หลุมที่ประดับประดาด้วยรูปปั้นอนุสรณ์ของผู้ตาย จนระยะหลังๆ มานี้เริ่มถูกบุกปล้น
เมืองเริ่มได้รับผลกระทบจากสงครามในปี พ.ศ.2556 เมื่อเกิดการปะทะระหว่างกองกำลังกบฏกับกองกำลังรัฐบาล ทำให้เสาหินและรูปปั้นหลายชิ้นถล่มลงมา
จากข้อมูลของผู้ว่า ราชการจังหวัดฮอมส์ เชื่อว่าเมืองพัลไมรามีประชาชนอาศัยอยู่ในเขตภายใน 35,000 ราย รวมถึงผู้อพยพที่หนีภัยสงครามมาจากเมืองอื่น ส่วนบริเวณชานเมืองมีผู้อาศัยอยู่อีกราว 35,000 ราย
เป็นข้อมูลที่ใกล้เคียงกับกลุ่มสังเกตการณ์ด้านสิทธิมนุษยชน ซีเรีย ที่ประเมินว่ามีประชาชนอยู่ภายในเมืองและรอบเมืองราว 1 แสนคน
Credit : http://www.khaosod.co.th/
