(ภาพ: AFP)
เมื่อ 5 ก.ย. นายจอห์น แคร์รี รมว.ต่างประเทศสหรัฐฯ โทรศัพท์หารือนายเซอร์เก ลาฟรอฟ รมว.ต่างประเทศรัสเซีย แสดงความเป็นห่วงถึงรายงานข่าวในสื่อสหรัฐฯที่ว่า รัสเซียส่งทีมทหารที่ปรึกษาและอุปกรณ์ทางทหารเข้าไปซีเรีย ซึ่งอาจทำให้ความขัดแย้งบานปลาย และอาจทำให้รัสเซียมีศักยภาพสนับสนุนรัฐบาลประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาดของซีเรียได้มากขึ้น อันเป็นจุดยืนตรงข้ามกับสหรัฐฯ
ส่วนสถานการณ์สู้รบในเยเมน ล่าสุดเครื่องบินรบของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) ขึ้นบินโจมตีถล่มคลังอาวุธของกลุ่มกบฏฮูธิ มุสลิมนิกายชีอะห์ ซึ่งอิหร่านหนุนหลัง ช่วงรุ่งสางวันที่ 5 ก.ย. ทั้งที่เมืองมาริบ กรุงซานอาและฐานที่มั่นกลุ่มกบฏในเมืองซาอาดา ฝั่งเหนือสุดและเมืองอิบบ์ ตอนกลางของเยเมน ทำให้กลุ่มกบฏเสียชีวิตไม่ต่ำกว่า 12 ราย เพื่อตอบโต้หลังกบฏฮูธิโจมตีทางอากาศกองกำลังพันธมิตรนำโดยซาอุดีอาระเบียที่เมืองมาริบเมื่อ 4 ก.ย.ที่คร่าชีวิตทหารยูเออี 45 นาย ทหารซาอุฯ 10 นายและทหารบาห์เรน 5 นาย
วันเดียวกัน ร่างทหารผู้กล้ากลับถึงมาตุภูมิท่ามกลางเสียงโห่ร้องสรรเสริญของชาวยูเออี ซึ่งรัฐบาลกำหนดวันไว้ทุกข์ 3 วัน ด้านประธานาธิบดี บารัค โอบามา แห่งสหรัฐฯ โทรศัพท์ถึงชีค โมฮัมเหม็ด บิน ซาเยด อัล-นาห์ยัน มกุฎราชกุมารแห่งอาบู ดาบี รักษาการ ผบ.สส.กองทัพยูเออี แสดงความเสียใจต่อการสูญเสียดังกล่าว
Credit : http://www.thairath.co.th/