การประชุมสุดยอดผู้นำกลุ่มสมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน ซัมมิท) 10 ประเทศและการประชุมสุดยอดผู้นำเอเชียตะวันออก (อีสต์ เอเชีย ซัมมิท) ซึ่งผู้นำอาเซียน 10 ประเทศประชุมหารือเรื่องการค้า การลงทุนและเศรษฐกิจรวมทั้งเรื่องก่อการร้ายและภาวะโลกร้อนกับกลุ่มผู้นำจากอีก 8 ประเทศ รวมทั้งประธานาธิบดีบารัค โอบามา ของสหรัฐฯและนายกรัฐมนตรีหลี่ เค่อเฉียง ของจีน ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ของมาเลเซีย สิ้นสุดลงแล้วเมื่อวันที่ 22 พ.ย.
ผู้นำอาเซียนได้ประกาศเชิงสัญลักษณ์เพื่อก่อตั้งเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) รูปแบบเดียวกับสหภาพยุโรป (อียู) ภายในสิ้นปีนี้ โดยร่วมกันลงนามปฏิญญาก่อตั้งประชาคมฯซึ่งอาเซียนยกให้เป็นหลักไมล์สำคัญในกระบวนการรวมเป็นประชาคมอาเซียนต่อไป ด้านเหล่านักการทูตหลายคนยอมรับว่าอีกหลายปีกว่าที่คำว่าตลาดเดียวจะเป็นจริง การประกาศวันนี้คงไม่มีผลทางปฏิบัติ ส่วนนายกรัฐมนตรีนาจิบ ราซัก ของมาเลเซีย เรียกร้องผู้นำอาเซียนเพิ่มความพยายามทำให้เออีซีเป็นจริงหลังผู้เชี่ยวชาญหลายคนมองว่าเป็นเรื่องยากหรือแม้แต่เห็นว่าเป็นไปไม่ได้เลย
ด้านนายโอบามา ได้กล่าวชื่นชมเออีซีและให้คำมั่นว่าสหรัฐฯจะให้การสนับสนุน โดยยังเชิญผู้นำอาเซียน 10 ประเทศไปประชุมหารือกันที่สหรัฐฯในปีหน้า ยืนยันความสัมพันธ์ที่ดีกับอาเซียนเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งยวดต่อความมั่นคงของสหรัฐฯ ปฏิเสธข้อกล่าวหาที่ว่าเหตุความไม่สงบในตะวันออกกลางทำให้ไขว้เขวจากการทุ่มความสนใจต่อเอเชีย ก่อนหน้านี้เมื่อ 21 พ.ย.โอบามาเรียกปฏิญญาก่อตั้งเออีซีว่าเป็นก้าวย่างสำคัญสู่การรวมกลุ่มเศรษฐกิจและทำให้ภูมิภาคมีเสถียรภาพมากขึ้น ส่วนการเชิญผู้นำอาเซียนมีขึ้นหลังเมื่อหนึ่งสัปดาห์ก่อน สหรัฐฯกับจีนเผชิญหน้ากันในทะเลจีนใต้ซึ่งทั้งสองชาติกำลังแย่งชิงขยายอิทธิพลกัน
ส่วนนายหลิว เจิ้นหมิง ผช.รมว.ต่างประเทศของจีน กล่าวหาสหรัฐฯยั่วยุทางการเมืองด้วยการลาดตระเวนในทะเลจีนใต้ สหรัฐฯกำลังทดสอบจีนด้วยการยืนยันเสรีภาพการเดินเรือในน่านน้ำยุทธศาสตร์ และบอกประเทศอื่นๆอย่าจงใจสร้างความวุ่นวายในทะเลจีนใต้ ย้ำจีนไม่ตั้งใจดึงกำลังทหารเข้ามาเกี่ยวข้อง การสร้างเกาะเทียมและอื่นๆก็เพื่อบริการสาธารณะต่อภูมิภาค ไม่ว่าช่วยเหลือเรือประมงและภารกิจบรรเทาทุกข์ยามเกิดภัยพิบัติ.
Credit : http://www.thairath.co.th/