เอเอฟพี – ราคาน้ำมันโลกในวันจันทร์ (27 เม.ย.) ขยับลงเล็กน้อยนักลงทุนประเมินสถานการณ์ความรุนแรงในเยเมนและแนวโน้มการขยับขึ้นอีกสัปดาห์ของสต๊อกเชื้อเพลิงสหรัฐฯ ส่วนวอลล์สตรีทปิดลบ ผิดหวังรายงานผลประกอบการของบริษัทรายใหญ่ ขณะที่ทองคำปิดบวกแรง หลังดอลลาร์อ่อนค่าลง
น้ำมันดิบเวสต์เทกซัสอินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนมิถุนายน ลดลง 16 เซ็นต์ ปิดที่ 56.99 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนต์ทะเลเหนืองวดส่งมอบเดือนเดียวกัน ลดลง 45 เซ็นต์ ปิดที่ 64.83 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
นักวิเคราะห์มองว่าตลาดมีการเปลี่ยนแปลงทางพื้นฐานน้อยมาก โดยนักลงทุนประเมินสถานการณ์ความรุนแรงที่ลุกลามบานปลายในเยเมนและแนวโน้มของการเพิ่มขึ้นอีกสัปดาห์ของสต๊อกน้ำมันดิบสหรัฐฯ ขณะที่บางส่วนก็ขายทำกำไรหลังตลาดปิดบวกเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
ส่วนตลาดหุ้นสหรัฐฯ เมื่อวันจันทร์ (27 เม.ย.) ขยับลงเล็กน้อย จากแรงฉุดหุ้นกลุ่มไบโอเทค จากรายงานผลประกอบการที่น่าผิดหวังของบริษัทหลายแห่ง ในนั้นรวมถึงแอมเจน
ดาวโจนส์ ลดลง 42.17 จุด (0.23 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 18,037.97 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 8.77 จุด (0.41 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 2,108.92 จุด แนสแดค ลดลง 31.84 จุด (0.63 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 5,060.25 จุด
หุ้นของแอมเจน เป็นตัวนำการปิดลบของดัชนีเอสแอนด์พี 500 วานนี้ (27 เม.ย.) โดยหุ้นของบริษัทเทคโนโลยีชีวภาพยักษ์ใหญ่แห่งนี้ลดลงถึงร้อยละ 3.3 หลังผู้ควบคุมกฎของสหรัฐฯ บอกว่าไม่สามารถทบทวนเร่งรัดพิจารณาการรักษาโรคมะเร็งผิวหนังด้วยนวัตกรรมภูมิคุ้มกันบำบัดของแอมเจนในตอนนี้
ส่วนหุ้นของเซลลาดอน คอร์ป ร่วงลงถึงร้อยละ 80.7 ปิดที่ 2.64 ดอลลาร์ต่อหุ้น หลังจากช่วงหนึ่งดิ่งลงไปถึง 2.59 ดอลลาร์ต่อหุ้น แตะระดับต่ำสุดเป็นประวัติการ เหตุบริษัทแห่งนี้คาดหมายว่าต้องปลดพนักงานและตัดลดค่าใช้จ่าย หลังการทดลองยีนบำบัดเพื่อรักษาโรคหัวใจวายของบริษัทล้มเหลวระหว่างการทดลองครั้งสำคัญ
เหล่าบริษัทด้านสุขภาพคือกลุ่มที่มีผลงานดีที่สุดนับตั้งแต่เข้าสู่ปี 2015 และช่วยให้ดัชนีหลักของวอลล์สตรีททุบสถิติตลาดกาลมาแล้วหลายรอบ โดยเฉพาะกลุ่มไบโอเทคที่ผลักแดสแนค ทุบสถิติปิดสูงสุดในรอบ 15 ปีเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
ส่วนราคาทองคำในวันจันทร์ (27 เม.ย.) แตะระดับสูงสุดในรอบ 2 สัปดาห์ จากดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง และการเจรจาที่ยืดเยื้อระหว่างกรีซกับเจ้าหนี้นานาชาติ กระตุ้นให้นักลงทุนแห่ถือครองสินทรัพย์เสี่ยงต่ำ ทองคำตลาดโคเม็กซ์ เพิ่มขึ้น 28.20 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,203.20 ดอลลาร์ต่อออนซ์
Credit : http://www.manager.co.th/Around