(ภาพ: REUTERS)
กองทัพพันธมิตรประชาธิปไตยแห่งชาติเมียนมา (เอ็มเอ็นดีเอเอ) หรือกองกำลังกบฏชนกลุ่มน้อยเชื้อสายจีนโกก้างนำโดยนายเผิง เจียเชง ออกแถลงการณ์เมื่อวันพฤหัสบดี 11 มิ.ย. ประกาศหยุดยิงกับกองทัพรัฐบาลเมียนมา โดยประกาศหยุดยิงเพียงฝ่ายเดียวและมีผลตั้งแต่วันพุธ 10 มิ.ย. หลังถูกรัฐบาลจีนกดดันอย่างหนักให้หยุดการสู้รบกับฝ่ายรัฐบาลเมียนมาบริเวณแนวชายแดนทางภาคเหนือของเมียนมาติดพรมแดนจีนทางภาคใต้ แต่แถลงการณ์ของกลุ่มกบฏโกก้างอ้างเหตุผลเพราะรัฐบาลจีนต้องการให้รื้อฟื้นสันติภาพตามแนวชายแดน
การสู้รบระหว่างกองกำลังโกก้าง กับฝ่ายรัฐบาลเมียนมาดำเนินมาอย่างดุเดือดตลอดช่วง 4 เดือนที่ผ่านมา ขณะที่รัฐบาลเมียนมาอยู่ระหว่างเตรียมการเลือกตั้งใหญ่ในช่วงเดือน พ.ย.ปีนี้ ซึ่งฝ่ายกบฏโกก้างเชื่อว่ากระบวนการประชาธิปไตยจะช่วยยุติการสู้รบระหว่างชนกลุ่มน้อยกับฝ่ายรัฐบาลลงได้ แต่กองกำลังชนกลุ่มน้อยก็ยังจำเป็นต้องรักษาสิทธิการป้องกันตัวเองเอาไว้ด้วย ขณะที่ฝ่ายรัฐบาลเมียนมา แถลงระบุได้รับรู้รับทราบการประกาศหยุดยิงจากกลุ่มกบฏโกก้างแล้ว แต่ยังต้องรอดูท่าทีและเฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดต่อไปอีกระยะหนึ่ง
ข่าวแจ้งว่า การละเมิดข้อตกลงหยุดยิงครั้งสุดท้ายโดยกลุ่มกบฏโกก้างเกิดขึ้นเมื่อช่วงปี 2552 ทำให้เกิดการสู้รบอย่างรุนแรงกับฝ่ายรัฐบาลเมียนมา ส่งผลให้มีผู้ลี้ภัยข้ามพรมแดนเข้าไปในเขตมณฑลยูนนานของจีนหลายหมื่นคน ทำให้กองทัพจีนต้อง ประกาศซ้อมรบด้วยกระสุนจริงบริเวณแนวชายแดนเมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา จนนำมาสู่การประกาศหยุดยิงโดยกลุ่มกบฏโกก้างในที่สุด
ส่วนภารกิจเยือนจีนของนางอองซาน ซูจี ผู้นำพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย (เอ็นแอลดี) ฝ่ายค้านของเมียนมา พร้อมคณะสมาชิกพรรค เอ็นแอลดีระหว่างวันที่ 10-14 มิ.ย. ตามคำเชิญของ พรรคคอมมิวนิสต์จีน นางอองซาน ซูจี ได้เข้าพบประธานาธิบดีสี จิ้นผิง และนายกรัฐมนตรีหลี่ เค่อ เฉียง ที่กรุงปักกิ่ง แต่รัฐบาลจีนไม่เปิดเผยรายละเอียดของการพบหารือกัน อีกทั้งไม่อนุญาตให้สื่อเข้าไปทำข่าว ยกเว้นสื่อของทางการจีน
ก่อนหน้านี้ นักวิเคราะห์ชี้ว่าจีนหวังสร้างความสัมพันธ์ในระยะยาวกับนางซูจีและฝ่ายค้าน ก่อนการเลือกตั้งเมียนมาในเดือน พ.ย.ปีนี้ ซึ่งคาดว่าพรรคเอ็นแอลดีจะได้ที่นั่ง ส.ส.ในสภาอย่างมีนัยสำคัญ ทำให้มีอิทธิพลทางการเมืองมากขึ้นในอนาคต แม้เธอจะไม่ได้เป็นประธานาธิบดี เพราะรัฐธรรมนูญห้ามไว้.
Credit : www.thairath.co.th
