วันแรก ของเดอะแก๊ง
พวกเรา welovetravel ตั้งใจเที่ยวภาคตะวันออกบ้านเรา จุดหมายปลายทางของเราก็คือ จันทบุรี เมืองเก่าริมแม่น้ำจันทบูร ซึ่งคิดว่าระหว่างทางเราน่าจะแวะเที่ยวแวะชิมไปเรื่อยๆ เราเลือกเดินทางออกจากในตัวเมืองระยองเช้า เพื่อให้ทริป 2 วัน 1 คืน เก็บเรื่องราวความสุขระหว่างได้มากที่สุด จุดแรกที่พวกเราต้องปักหมุดคือ ทุ่งโปรงทอง เชื่อได้ว่าใครๆหลายคนโดยเฉพาะคนระยองอาจจะได้ยินแต่ชื่อ เพราะเป็นสถานที่ที่ดังมาก
เราเลือกจะใช้เส้นทางเฉลิมบูรพาทิศ ลัดเลาะแนวชายทะเลและหมู่บ้านชาวบ้านที่เต็มไปด้วยความสวยงาม จุดแรกที่จะต้องแนะนำคือ สะพานประแสสิน เป็นสะพานที่เชื่อมระหว่างปากน้ำประแส ต้องมาถ่ายรูปให้ได้นะคะ ต่อจากนั้น เราก็ไปชมความงามธรรมชาติทุ่งโปรงทอง ซึ่งเป็นป่าโกงกางขนาดใหญ่ และมีเส้นทางศึกษาธรรมชาติ เราเลือกแชะภาพกันระหว่างทาง มีความสุขมากถึงจะร้อนแต่ก็มีต้นไม้ปกคลุม ทำให้พวกเราชาวwelovetraveling รู้สึกเพลิดเพลิน จากนั้นเราก็รีบเดินทางไปต่อยังหมู่บ้านชาวประมงเก่าแก่ หรือหมู่บ้านชุมชนเมืองเก่าประแส โดยที่เราใช้บริการรถสามล้อพวงข้างของชุมชนที่รวมตัวกันค่าบริการอยู่ที่คันละ 250 บาท นั่งได้ 3 คน สนุกตอนนั่งรถสามล้อนี่แหละ อิ อิ อิ ที่ชอบมากที่สุดคือเราได้สัมผัสความเป็นคนเมืองเก่าที่ยังทำขนมโบราณ และอาหารประจำท้องถิ่น เราเลือกที่จะเดินกินขนมโบราณไปทุกๆบ้าน มีที่ที่เป็นสถานที่แลนมาคได้แวะแชะถ่ายรูปกันหลายจุดนะคะ จากนั้น เพื่อไม่ให้เสียเวลาเราก็เดินทางต่อมุ่งหน้าไปยังจันทบุรี เข้าที่พักที่บ้านพักที่อยู่ริมน้ำชุมชนเก่า ทริปนี่เราตั้งใจจะย้อนความหลังครั้งสมัยรุ่นคุณทวดกันเลยทีเดียว
เส้นทางเราตั้งพิกัด จีพีเอส ไปที่จุดมุ่งหมายของเราคือ บ้านท่ามาจัน ทุกคนคงสงสัยคงเป็นชื่อหมูบ้าน หรือชื่อ ถนน อิ อิ อิ จริงๆคือชื่อโรงแรมเป็นลักษณะบ้าน2 ชั้น ที่รีโนเวทเป็นโรงแรม มี 2 ฝั่ง พวกเราเลือกฝั่งบ้านริมน้ำ พักพวกเราก็ไม่พูดพร่ำทำเพลง รีบแชะรูปตามมุมเก๋ๆ ตามสไตล์บ้านโบราณ สมัยก่อน ออ ลืมเช็คอินเลย เพลินกับมุมต่างๆของโรงแรม วันนี้เรามาวันเสาร์เราเลือกจองที่พักโดยอำนวยความสะดวกโดยทีมงาน ททท ระยอง เราได้ห้องพักที่สวยภายในตกแต่งร่วมสมัย และยังคงไม่ทิ่งกลิ่นอายของความเป็นศิลปะโบราณ ไม่ว่าจะเป็นตู้เสื้อผ้าแบบเก่า หรือกระเบื้องที่ใช้ตกแต่ง ที่สำคัญที่ทำให้เราได้เคลิมคือนั่งนิ่งๆมองดูสายน้ำแห่งประวัติศาตร์เมืองจันทบุรี ทำให้เรารู้สึกว่าเราน่าจะมีวันหยุดสัก 365 วัน กันเลยทีเดียว อุ๋ย!!!ได้เวลาที่รอคอยเย็นมากแล้วท้องร้อง ประกอบกับมีเสียงเพลงเพราะๆ ที่พักที่ท่ามาจัน ยังมีเอกลักษณ์ที่ใครๆมาแม้ไม่มานอนก็ต้องมาเยือนเพราะที่นี่ไม่เพียงแต่บริการเรื่องที่พักยังมีร้านอาหารริมน้ำและดนตรีสดเพลงสมัยยุควงสาว สาว สาว เพื่อมให้บรรยากาศที่อบอวนไปด้วยความรู้สึกสมัยเรายังเด็ก ที่สำคัญรสชาติอาหาร อร่อยมาก พนักงานบริการดี และที่สำคัญเจ้าของบ้านพี่จูน มาดูแลต้อนรับลูกค้าทุกโต๊ะด้วยตัวเอง ไม่นานอาหารที่สั่งก็เสริฟมาพร้อมกับปิ่นโต และช้อนที่ทำด้วยไม้ รสชาดอาหารพร้อมบรรยากาศริมน้ำและเพลงเพราะ คืนนี้ความสุขได้บรรเลงทำให้พวกเราได้อิ่มแอมสัมผัสกับวิถีชีวิตคนท้องถิ่น เราคนไทยโชคดีที่มีสถานที่ท่องเทียวและผู้ประกอบการณ์ยังคงรักษาความเป็นอดีตได้ดีมาถึงปัจจุบัน คืนนี้พวกเราคงนอนหลับฝันดี เพื่อเตรียมความพร้อมพรุ่งนี้ กลับระยอง
วันที่สอง
เย้!!!เช้าแล้ว เป็นเช้าแรกของการได้มาเยื่อนบรรยากาศเมืองเก่าแม่น้ำจันทบูร พวกเรารีบอาบน้ำแต่ตัว ไปทานอาหารเช้าด้วยความตื่นเต้น อสหารเช้าวันนี้เป็นอาหารแบบง่ายๆ มีข้าวต้ม ไข่กะทะ และปาท่องโก๋จันทบูร ที่มีซอสส้มทานคู่กับปาท่องโก๋ แปลกแต่อร่อย และตบท้ายด้วยขนมเทียนแก้วที่อายุคนทำมากกว่า 70 ปี ใครมาก็ต้องแวะซื้อกลับบ้าน หลังจากพวกเราทานอาหารเช้าเสร็จก่อนกลับระยอง ขอแวะแชะภาพกันที่อาสนวิหารพระนางมารี เป็นโบสท์คริส เป็นหนึ่งในunseen ของจันทบุรี ที่มีอายุมากกว่า 100 ปี อยู่ริมน้ำจันทบูร และต้องไม่พลาดก่อนกลับที่จะไปต่อที่วัดที่วัดบุบผาราม ตามรอยมังกร ขอพรแห่งอิทธิฤทธิ์ ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นวัดที่ทุกคนผ่านมาจันทบุรีต้องไปสักการะ ขอพร เปิดให้เข้าไปชมความงดงามฟรี นะคะ
ได้เวลากลับแล้วนะคะ ทริปนี่เป็นทริปที่พวกเราภูมิใจในฐานะที่เป็นนักเที่ยวในแบบฉบับของเรา เราเลือกเที่ยวใกล้บ้าน เพราะสะดวก ค่าใช้จ่ายไม่แพง การเที่ยวเป็นการเปิดประตูสู่การเรียนรู้ ไม่ว่าจะเป็นการท่องเที่ยวในแบบใด welovetraveling จะไปและนำประสบการณ์แต่ละทริป มาแบ่งปั่นเพื่อนๆนะคะ ขอให้ทุกคนมีความสุขกับพวกเรา และติดตามฉบับถัดไป กับหัวใจมรกต ทะเลพม่า จังหวัดระนองในฉบับหน้านะคะ
ค่าใช้จ่ายทริป 2 วัน 1 คืน 2 ท่าน
ค่าน้ำมัน 500 บาท
ค่าที่พัก 1,500 บาท
ค่าอาหารและอื่น 4 มื้อ 750 บาท
รวม 2,750 บาท เฉลี่ยคนละ 1,375 บาท