ความศักดิ์ศิทธิ์ ธงราชนาวิกโยธิน เหตุอัศจรรย์ ในหลวงรัชกาลที่๙ ทรงเรือใบข้ามอ่าวไทยเมื่อปี๕0 ปีก่อน
เปิดบันทึก จ่าเอกการ โพธิ์งาม
ในวันที่ ๑๙ เมษายน ๒๕o๙ เวลา o๔.๒๘ น. พระบามสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงแล่นเรือใบประเภทโอเค ขนาด ๑๓ ฟุต ด้วยพระองค์เองพระองค์เดียว ข้ามอ่าวไทย จากพระราชวังไกลกังวล หัวหิน ประจวบคีรีขันธ์ มายังอ่าวเตยงาม สัตหีบ จังหวัคชลบุรี ใช้เวลา ๑๗ ชั่วโมง เพื่อนำธงราชนาวิกโยธินมาปักไว้ ณ ก้อนหินใหญ่กลางหาดงามเตยเพื่อเป็นอนุสรณ์สถานถึงความเสียสละให้กับทหารนาวิกโยธินผู้สละชีวิต ในการสู้กับ ผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ ในอดีต จะเห็นได้ว่าพระองค์ทรงให้ความสำคัญอย่างยิ่ง ทรงยอมเหนื่อยพระวรกาย ซึ่งยากนักที่คนธรรมดาที่จะทำได้
(จ่าเอกการ โพธิ์งาม)
ลุงกาย หรือจ่าเอกกาย ในวันนั้นได้รับหน้าที่ในการถวายอารักขา ในหลวง ตลอดเส้นทาง ได้เล่าเหตุการณ์น่าประหลาดให้พวกเราฟังว่า วันนั้นเป็นที่น่าแปลกใจ ที่คลื่นลมสงบตลอดเส้นทาง ทะเลราบเรียบ แดดก็ไม่แรง หลังจากที่ในหลวงทรงแล่นเรือออกมาได้๒-๓ ชั่วโมง ก็เริ่มสังเกตเห็นปลาโลมา มาว่ายอยู่รอบๆ เรือของพระองค์บางตัวดำผุดดำว่ายรอดใต้ท้องเรือพระองค์ ลุงกายเล่าว่าทีมอารักได้มีความพยายามจะกันปลาโลมาให้ออกห่างจากเรือแต่จำนวนปลาโลมาก็ได้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ นับได้เป็นร้อยตัว ปลาโลมาได้ติดตามเรือพระที่นั่ง ไม่ห่างไปไหนตลอดเส้นทางเช่นกัน ลุงกายถ่ายทอดความรู้สึกขณะนั้นให้เราฟังว่าเหมือนพวกมันพยายามร้องเรียกเพื่อนๆ เหล่าปลาโลมาให้มาร่วมส่งเสด็จ เพราะพวกมันาส่งเสียงร้องกันระงม กระโดดขึ้นเหนือน้ำร้องเสียง วี๊ดและก็มุดลงใต้น้ำกันอย่างกระตือลือล้น สร้างความประหลาดใจให้กับลุงและทีมอารักขามากๆ เข้าสู่ช่วงบ่ายยิ่งสร้างความประหลาดใจให้กับลุงกายมากขึ้นเมื่อพบว่าจำนวนปลาโลมาได้เพิ่มทวีขึ้นไปอีกมาก มองไปทางไหนก็เห็นแต่ ปลาโลมาดำพุดดำว่ายกระโดดขึ้นเหนือน้ำส่งเสียง มากมายนับไม่ถ้วน ลุงกายได้บอกว่ากับเราว่า เหมือนพวกมันทั้งหมดทั้งอ่าวได้มารวมกันร่วมส่งเสด็จในหลวง นับเป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์ยิ่ง พวกเราเฝ้าสังเกตฝูงปลาโลมา เหล่านี้อยู่เงียบๆ จากเรือยางที่แล่นถวายอารักขา จนเวลาล่วงเลยมาถึงตอนเย็นตะวันลับฟ้าก็ยังรู้สึกว่าฝูงปลาโลมายังถวายงานว่ายเคียงคู่ไปกับเรือพระที่นั่ง จวบจนเรือพระที่นั่งแล่นใบเข้ามาใกล้จุดหมายที่อ่าวเตยงาม
(ภาพเส้นทางแล่นเรือพระที่นั่ง)
เมื่อเวลาประมาณสองทุ่มการแล่นเรือใบติดต่อกันเป็นเวลา ๑๗ ชั่วโมงนับเป็นเรื่องที่ต้องสร้างความเหน็ดเหนื่อยอ่อนเพลียอย่างมากแต่ลุงกายบอกว่าเราว่า “ในหลวงได้ทรงดนตรีต่ออีก” พระองค์ทรงมีพระราชหฤทัยและพระวรกายที่แข็งแกร่งดั่งเพชรเหนือคนธรรมดาจริงๆ ลุงกายได้ทุ่มเทชีวิตและจิตใจถวายอารักขา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและพระบรมวงศานุวงศ์ด้วยความจงรักภักดี ในปี ๒๕๑๑ ที่พระรางวังไกลกังวล จ่าเอกกาย โพธิ์งาม รับพระราชทานเหรียญราชรุจิ (เหรียญอันเป็นที่รักของพระราชา) และลุงกายยังได้รับพระราชทานสมเด็จจิตลดาองค์ที่ ๕๗๖
สิ่งที่ชุดนักทำลายใต้น้ำถวายอารักขาเห็นกันในวันนั้นเป็นสิ่งที่มหัศจรรย์อย่างยิ่ง และเชื่อว่าเป็นเพราะ พระบารมีของ พระบาทสมเด็จพระปริมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชหากไม่ได้เห็นด้วยตนเองแล้วคงยากที่จะเชื่อจึงได้แต่พูดคุยกันเฉพาะแต่กับพวกเราที่ไปด้วยกันในครั้งนั้น บัดนี้กาลเวลาได้ล่วงเลยผ่านพ้นมา ๕o ปีแล้วจึงได้น้ำเรื่องที่ประสบพบเห็นด้วยตนเองมาเปิดเผยแก่ประชาชนชาวไทยได้รับทราบเพื่อน้อมระลึกถึงพระบารมีและพระมหากรุณาธิคุณอันล้นพ้นอย่างที่หาสุดมิได้
ลุงกาย โพธิ์งาม อดีตนักทำลายใต้น้ำรุ่นที่ 4 ในรุ่นของลุงมีผู้สมัครเจ้าโครงการ 66 คนและสามารถผ่านการฝึกมาได้เพียง 17 คนเท่านั้นและลุงได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งในผู้ถวายความปลอดภัยทางน้ำให้กับ ในหลวงและพระบรมวงศานุวงศ์นั่นแสดงให้เห็นว่าลุงกายในอดีตนั้นแข็งแกร่งขนาดไหน ปัจจุบันนี้ลุงอายุ ย่างเข้า 78 ปีแล้ว แต่ลุงกายยังคงทำงานด้วยความกระฉับกระเฉงคล่องแคล่วลุงกายดูแลสุขภาพด้วยการว่ายน้ำ 800-1000 เมตรอย่างต่อเนื่องไม่หยุดสามถึงสี่วันต่อสัปดาห์ลุงกายเป็นครูสมาธิในโครงการของพระอาจารย์ วิริยังค์ สิรินธโร เคยนั่งสมาธิเห็นอดีตชาติของตัวเองเป็นทหารของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชลุงกายมีลูกชายหนึ่งคนคือ นาวาเอกสุรกิจ โพธิ์งาม เป็นรองเสนาธิการกองเรือฟริเกตที่2กองเรือยุทธการและลูกสาวหนึ่งคนคือ น.ต.หญิง กษริน โพธิ์งาม พยาบาลวิชาชีพ ห้องจักษุโรงพยาบาลสิริกิติ์ กรมแพทย์ทหารเรือ ปัจจุบันลุงกายทำงานอยู่ที่ธนาคารกรุงไทยสาขาตากสิน ลุงกายเป็นที่รักของเพื่อนร่วมงานและลูกค้าของธนาคาร นับเป็นบุคคลตัวอย่างที่น่ายกย่อง เราทีมงานระยองนิวส์นับเป็นเกียรติ์ที่ได้มีโอกาสนำเรื่องราวอันทรงคุณค่านี้เผยแพร่สู่สาธารณะชนชาวระยองให้รู้ว่าคนระยองไม่ธรรมดาจริงๆ ลุงกายหรือจ่าเอกกาย โพธิ์งาม
