รอยเตอร์/เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์-สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ประมุขแห่งคริสตจักรโรมันคาทอลิกออกโรงเรียกร้องในวันอังคาร (5) ให้คนหนุ่มสาวรุ่นใหม่ของโลกเลิกปล่อยให้เวลาในชีวิตผ่านไปอย่างไร้ค่ากับการท่องอินเทอร์เน็ต การใช้สมาร์ทโฟน และการดูรายการโทรทัศน์ โดยพระองค์ขอให้คนรุ่นใหม่ หันมาใช้เวลาทำกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมเพิ่มมากขึ้น “บางทีคนหนุ่มสาวรุ่นใหม่ในเวลานี้อาจจะผลาญเวลาในชีวิตของพวกเขามากเกินไปกับบรรดาสิ่งที่ไร้ประโยชน์ เวลาในชีวิตของคนเรานั้นถือเป็นสิ่งที่มีค่ายิ่ง และเวลาก็ถือเป็นของขวัญจากพระผู้เป็นเจ้า ดังนั้น จึงถือเป็นสิ่งสำคัญ ที่เวลาจะต้องถูกใช้เพื่อทำสิ่งดีๆและมีประโยชน์” โป๊ปฟรานซิสตรัสกับกลุ่มเยาวชนจากเยอรมนีจำนวนหลายร้อยคนที่เดินทางมาแสวงบุญที่กรุงโรมและช่วยงานของสำนักวาติกัน สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส วัย 77 พรรษา ซึ่งถือเป็นโป๊ปพระองค์แรกในประวัติศาสตร์ที่มาจากทวีปอเมริกาและซีกโลกใต้ ทรงขยายความเพิ่มเติมว่า กิจกรรมที่ไร้ประโยชน์ที่พระองค์หมายถึงนั้นคือ การแชทบนอินเทอร์เน็ตและสมาร์ทโฟน รวมถึงการดู “ละครน้ำเน่า” ทางโทรทัศน์ โป๊ปฟรานซิสซึ่งได้รับคัดเลือกให้เข้ารับตำแหน่งประมุขแห่งคริสตจักรโรมันคาทอลิกต่อจากพระสันตะปาปาเบเนดิกต์ที่ 16 เมื่อเดือนมีนาคมปีที่แล้วทรงระบุว่า ในความเป็นจริงแล้วพระองค์มิได้เป็นผู้ที่ต่อต้านเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่มีความก้าวหน้าและทำให้ชีวิตของคนเราสะดวกสบายเพิ่มมากขึ้น แต่พระองค์ปรารถนาจะกระตุ้นเตือนให้คนรุ่นใหม่รู้จักใช้ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีเหล่านี้ให้เป็นประโยชน์และสร้างสรรค์ แทนการปล่อยให้เทคโนโลยีหันเหความสนใจของตนออกจากสิ่งรอบข้างและโลกแห่งความเป็นจริง ทั้งนี้ สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสทรงมีบัญชี “ทวิตเตอร์” ในหลายภาษา และแอคเคาต์ทวิตเตอร์เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของพระองค์มียอดผู้ติดตามหรือ “ฟอลโลเวอร์” มากกว่า …

ภัทรมน จันทร์บัว แม่อุ้มบุญชาวไทย และน้องแกมมี รอยเตอร์/เอพี/เอเอฟพี – สื่อนอกประเทศรายงานเจ้าหน้าที่สาธารณสุขของไทยขู่ดำเนินคดีทางกฎหมายกับหญิงสาววัย 21 ปีที่กลายเป็นแก่นกลางแห่งการโต้เถียงทั่วโลกต่อกรณีอุ้มบุญ เมื่อกล่าวอ้างว่าสองสามี-ภรรยาชาวออสเตรเลียที่ว่าจ้างอุ้มท้องทอดทิ้งหลังทราบว่าเด็กมีอาการดาวน์ซินโดรม ขณะที่หัวหน้าคลินิกที่ดำเนินการผสมเทียมก็มีสิทธ์ต้องโทษเช่นกัน สำนักข่าวเอพีระบุว่าคำขู่ดังกล่าวมีออกมาขณะที่กระทรวงสาธารณสุขของไทยเปิดเผยว่ากำลังร่วมมือกับหน่วยงานอื่นๆในการปราบปรามสถานพยาบาลและคลินิกต่างๆที่มีความเกี่ยวข้องกับการอุ้มบุญเชิงพาณิชย์ ที่ทางกระทรวงระบุว่าเป็นเรื่อง “ผิดกฎหมาย” ในขณะเดียวกันทางสำนักข่าวรอยเตอร์ก็อ้างคำสัมภาษณ์ของเจ้าหน้าที่ไทยซึ่งไม่ประสงค์เอ่ยนามรายหนึ่งบอกว่าบางทีคลินิกในกรุงเทพฯที่ผสมเทียมสามี-ภรรยาชาวออสเตรเลีย อาจละเมิดกฎหมายอุ้มบุญของไทย หลังจากคุณแม่อุ้มบุญชาวไทยให้กำเนิดทารกแผดและหนึ่งในนั้นมีอาการดาวน์ซินโดรมและยังป่วยเป็นโรคหัวใจพิการแต่กำเนิด ขณะที่ผู้ว่าจ้าง รับเฉพาะฝาแฝดของ”น้องแกมมี่” ที่เป็นเพศหญิงและแข็งแรงสมบูรณ์กลับรัฐเวสเทิร์นออสเตรเลีย รอยเตอร์รายงานต่อว่าเจ้าหน้าที่ของกระทรวงสาธารณสุขเปิดเผยว่าทางการได้เข้าตรวจค้นคลินิกดังกล่าวในวันอังคาร(5) และมีความเป็นไปได้ว่าหัวหน้าคลินิกอาจต้องโทษสูงสุดจำคุก 1 ปีและปรับเงินอีก 20,000 บาท หากพบว่ามีการละเมิดกฎหมายอุ้มบุญของไทย เจ้าหน้าที่รายดังกล่าวบอกกับรอยเตอร์ต่อว่าการอุ้มบุญเชิงพาณิชย์ขัดต่อประมวลจรรยาบรรณของแพทยสภา โดยการอุ้มบุญจะได้รับอนุญาตก็ต่อเมื่อหญิงอุ้มบุญต้องเป็นญาติทางสายเลือดกับคู่สมรสเท่านั้น แต่ก็มีที่ได้รับการอนุญาตเป็นพิเศษในกรณีที่ไม่สามารถแม่อุ้มบุญที่เหมาะสมได้ ในส่วนของเอพีรายงานว่าทางกระทรวงสาธารณสุขของไทยกำลังพิจารณาตั้งข้อหาแก่แม่อุ้มบุญ นางสาวภัทรมน จันทร์บัว ผู้มีอาชีพขายอาหารที่ศรีราชา โดยทางกระทรวงอ้างว่านางสาวภัทรมน รับเงินค่าจ้างอุ้มบุญ เป็นเงิน 15,000 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ …