รู้ไว้! คนไทยกินผักน้อย ทำให้โรคไม่ติดต่อเรื้อรังเพิ่ม
กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ห่วงคนไทย กินผักผลไม้น้อย ส่งผลให้ป่วยเป็นโรคไม่ติดต่อเรื้อรังเพิ่มขึ้น เร่งกระตุ้นคนไทยกินผักผลไม้ให้เพียงพอ ครบ 5 สี พร้อมล้ำล้างผักและผลไม้ให้สะอาดทุกครั้งเพื่อความปลอดภัย
ดร.นพ.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า โรคไม่ติดต่อเรื้อรังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทุกปี ทั้งความดันโลหิตสูง เบาหวาน โรคระบบหัวใจและหลอดเลือดมะเร็ง สาเหุตหนึ่งเกิดจากการบิรโภคอาหารที่ไม่ได้สัดส่วน พฤติกรรมการบริโภคที่ไม่เหมาะสม ซึ่งจากรายงานการสำรวจการบริโภคอาหารของประชาชนไทย ในปี 2551-2552 พบว่าสถานการณ์การบริโภคผักและผลไม้คนไทยอยู่ในเกณฑ์ที่น่าเป็นห่วงโดยรับประทานผักและผลไม้เพียงพอไม่ถึงครึ่ง หรือเพียง ร้อยละ17.7 ลดลงจากร้อยละ 21.9 ในปี 2546-2547 และภาคกลางบริโภคผักน้อยที่สุดร้อยละ 14.5 โดยโรคเรื้อรังที่เกิดจากการบริโภคอาหารที่ไม่เหมาะสม 4 โรคสำคัญ ในรอบ 5 ปี (2549-2553) พบผู้ป่วยกว่า 3 ล้านราย ซึ่งทุกโรคมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น
อันดับหนึ่ง ความดันโลหิตสูง พบผู้ป่วย 1.7 ล้านราย
อันดับสอง เบาหวาน พบผู้ป่วย 8.8 แสนราย
อันดับสาม โรคหัวใจขาดเลือด พบผู้ป่วย 1.7 ล้านราย
อันดับสี่ โรคหลอดเลือดสมอง พบผู้ป่วย 1.4 แสนราย
ดร.นพ.พรเทพ กล่าวว่า ใน 1 วัน ควรกินผักให้ได้มื้อละอย่างน้อย 2 ทัพพี ควบคู่กับผลไม้ทุกมื้อเป็นประจำ โดยผักควรกินให้ครบ 5 สี ได้แก่
1. สีเขียว ให้สารคลอโรฟีลล์ ช่วยต้านอนุมูลอิสระ ป้องกันเซลล์ถูกทำลาย ขจัดฮอร์โมน เป็นสาเหตุของมะเร็งบางชนิด เช่น ผักบุ้ง ผักโขม ผักปวยเล้ง ผักกาดหอม ผักคะน้า แตงกวา
2. สีเหลือง ให้สารเบต้าแคโรทีน และฟลาโวนอยด์ ช่วยรักษาสุขภาพของหัวใจ หลอดเลือด ระบบภูมิคุ้นกันของร่างกาย บำรุงสายตา เช่น แครอท ฟักทอง มันเทศ
3. สีม่วง ให้สารแอนโทไซยานิน ช่่วยชะลอการเสื่อมของเซลล์ลดอัตราเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจและเส้นเลือดอุดตันในสมองยับยั้งเชื้ออีโคไลในทางเดินอาหาร ซึ่งทำให้เกิดอาการอาหารเป็นพิษได้ เช่น กะหล่ำสีม่วง มะเขือม่วง ดอกอัญชัน
4. สีขาว ให้สารอะไลซิน สร้างเซลล์ให้แข็งแรง ยังยั้งการเกิดเนื้องอกช่วยลดความเสี่ยงการเป็นมะเร็งเต้านม มะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งต่อมลูกหมากต้านการอักเสบ ลดระดับน้ำตาลในเลือด ลดปริมาณไขมันในเลือด ลดความดันโลหิตป้องกันเส้นเลือดอุดตัน รักษาระบบภูมิคุ้มกัน เช่นกระเทียม หัวไชเท้า ถั่วเหลือง
5. สีแดง มีสารไลโคพีน อยู่ในปริมาณสูง มีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสรา โดยมีฤทธิ์ต่อต้านอนุมูลอิสระที่สูงมาก มีความสามารถในการต่อต้านอนุมูลอิสระมากกว่าวิตามินอี 100 เท่า และมากกว่ากลูตาไธโอนถึง 125 เท่าสารไลโคพีนช่อยป้องกันการเกิดมะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งกระเพาะอาหารและมะเร็งปอด และยังช่วยยับยั้งการเติบโตของเซลล์เต้านม มะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งลำไส้ใหญ่ และมะเร็งเยื่อบุมดลูก เช่น มะเขือเทศ หอมแดง พริกหวาน เป็นต้น
“ทั้งนี้ ก่อนกินผักและผลไม้ทุกครั้ง ควรล้างด้วยน้ำสะอาด 1-2 ครั้ง เพื่อลดสารพิษและยาฆ่าแมลงที่ตกค้าง จากนั้น แช่ผัก ผลไม้ในน้ำผสมเกลือ 2 ช้อนโต๊ะต่อน้ำ 4 ลิตร หรือน้ำผสมน้ำส้มสายชูครึ่งถ้วยตวงต่อน้ำ 4 ลิตร หรือน้ำผสมโซเดียมไบคาร์บอเนต 1 ช้อนโต๊ะต่อน้ำ 4 ลิตร หรือน้ำผสมโซเดียมไบคาร์บอเนต 1 ช้อนโต๊ะต่อน้ำ 4 ลิตร แช่นาน 15-30 นาที แล้วล้างน้ำเปล่าอีก 2 ครั้ง สำหรับผักบางชนิดเช่น คะน้า กะหล่ำ ถั่วฝักยาว หากมีคราบขาวจับที่กาบใบหรือฝักมากเกินไปล้างน้ำหลายๆครั้ง และคลี่ใบถูหรือล้างด้วยการเปิดน้ำไหลผ่านผักสดอย่างน้อย 2 นาที ” อธิบดีกรมอนามัย กล่าวในที่สุด
ขอขอบคุณข้อมูล จาก สำนักสื่อสารและตอบโต้ความเสี่ยง สำนักสารนิเทศ
ภาพประกอบ จาก istockphoto.com
Credit : http://club.sanook.com/