ฝ่ายจัดการแข่งขันศึกเอไอเอสลีกฯ ย้ำสั่งฟันหนัก “สตูล ยูไนเต็ด” หลังแฟนบอลก่อเหตุทำร้ายร่างกายผู้ตัดสินในการฟาดแข้งรอบแชมเปียนส์ลีก เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา “วิมล กาญจนะ” ประธานจัดการแข่งขัน ยันจะเสนอสภากรรมการสมาคมฟุตบอลฯให้เพิ่มโทษแน่ หากเห็นว่าไม่เหมาะสม ขณะที่ “บิ๊กโบ้” นรินท์พงศ์ จินาภักดิ์ ประธานฝ่ายกฎหมายสมาคมฟุตบอลฯ แนะประเด็นตรวจสอบให้ละเอียด รวมทั้งการทำหน้าที่ของผู้ตัดสินด้วยว่าผิดพลาดหรือไม่ เพราะเป็นชนวนให้เกิดเหตุ ขณะเดียวกันก็ระบุเจ้าบ้านต้องรับผิดชอบเต็มๆ เนื่องจากคุมสถานการณ์ไม่ได้…
ความเคลื่อนไหวหลังจากเกิดเหตุวุ่นวายในศึกฟุตบอลเอไอเอส ลีกภูมิภาค ดิวิชั่น 2 รอบแชมเปียนส์ลีก คู่ระหว่างสตูล ยูไนเต็ด เปิดบ้านต้อนรับการมาเยือนของขอนแก่น ยูไนเต็ด เมื่อวันอาทิตย์ที่ 22 พ.ย. โดยหลังเกมแฟนบอลเจ้าถิ่นเข้าปิดล้อมและรุมทำร้ายผู้ตัดสินจนได้รับบาดเจ็บ อันเนื่องมาจากไม่พอใจการทำหน้าที่ของสิงห์เชิ้ตดำ ซึ่งต่อมาได้ปรากฏคลิปที่ครินทร์ สร้อยสังวาลย์ ผู้ช่วยผู้ตัดสินที่ 2 ในเกมนั้น กล่าวกับแฟนบอลที่รุมล้อมจะทำร้ายว่าได้รับการว่าจ้างทำหน้าที่ช่วยทีมขอนแก่น ยูไนเต็ด
ล่าสุด เมื่อวันที่ 23 พ.ย. คณะกรรมการจัดการแข่งขัน นำโดยวิมล กาญจนะ ประธานจัดการแข่งขันฯ ได้เรียกประชุมด่วนเกี่ยวกับกรณีดังกล่าวที่ รร.โกลเดน ทิวลิป โดยมีนรินท์พงศ์ จินาภักดิ์ ประธานฝ่ายกฎหมายสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย, “เสธ.ตุ้ม” พล.อ.ชินเสณ ทองโกมล ประธานคณะกรรมการผู้ตัดสินฯ รวมทั้งผู้ตัดสินที่ลงทำหน้าที่ในเกมดังกล่าว ประกอบด้วย พิชิต ทองจันทร์มูล (ผู้ตัดสิน), ทวีศักดิ์ ทวนทอง (ผู้ช่วยฯ 1), ครินทร์ สร้อยสังวาลย์ (ผู้ช่วยฯ 2) เข้าร่วม
นายพิชิตกล่าวถึงเหตุการณ์ระทึกว่า เกมในวันนั้นทุกอย่างดูราบรื่นดีในครึ่งแรก แต่ครึ่งหลังเมื่อตนให้ใบเหลืองที่ 2 กับนักเตะเจ้าถิ่นที่เล่นเร็วในจังหวะฟรีคิก เป็นใบแดงไล่ออกจากสนามแฟนบอลก็เริ่มมีปฏิกิริยาที่ไม่ดี จากนั้นในช่วงท้ายเกมผู้เล่นเจ้าถิ่นทำฟาวล์แบบจงใจในจังหวะหลุดเดี่ยวของผู้เล่นทีมเยือนอีก ตนจึงชักใบแดงไล่นักเตะเจ้าถิ่นออกจากสนามเป็นคนที่ 2 อีกทั้งจังหวะนั้น ขอนแก่น ยูไนเต็ด ยิงลูกฟรีคิกเข้าและเป็นประตูชัยด้วยจึงทำให้แฟนบอลเจ้าถิ่นยิ่งไม่พอใจ ซึ่งหลังจบเกมมีสตาฟฟ์โค้ชและผู้บริหารสตูลเข้ามาต่อว่า และบอกกับตนว่าจะไม่รับรองความปลอดภัย จากนั้นเจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจที่คุ้มกันตนอยู่ก็กลับเดินหนีหายไปแบบไม่ทราบสาเหตุ ทำให้แฟนบอลเข้ามาถึงตัวและรุมทำร้ายตนด้วยของแข็งจนสลบไป ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะนำตัวขึ้นรถของเจ้าหน้าที่ตำรวจ
ส่วนนายครินทร์เปิดเผยว่า ตนถูกแฟนบอลล็อกคอไว้ได้ในจังหวะวิ่งหนี และถูกนำตัวเข้ามาในสนามอีกครั้ง ซึ่งระหว่างทางได้ถูกทำร้ายทุบตีตลอดทาง ก่อนจะมีคนยื่นโทรโข่งให้และบอกให้พูดว่าถูกจ้างวานมาทำหน้าที่ในนัดนี้เพื่อช่วยทีมขอนแก่น ไม่เช่นนั้นอาจจะมีอันตรายจนถึงแก่ชีวิต ซึ่งตนไม่รู้จะทำอย่างไรจึงจำเป็นต้องพูดไปตามนั้นเพื่อหวังเอาตัวรอด แต่ก็มีข้อสังเกตด้วยว่าก่อนที่ตนจะพูดทางโทรโข่งทุกคนที่อยู่บริเวณนั้นต่างหยิบโทรศัพท์ขึ้นมารอถ่ายคลิปเป็นจำนวนมาก ซึ่งดูเหมือนการจัดฉากเอาไว้แล้ว
ขณะเดียวกัน “เสธ.ตุ้ม” กล่าวว่า การกระทำลักษณะเช่นนี้ของแฟนบอลสตูลส่งผลเสียต่อภาพรวมเป็นอย่างมาก ส่วนเกมต่อไปจะส่งผู้ตัดสินไปทำหน้าที่ในบ้านของสตูล ยูไนเต็ด หรือไม่ ยังตอบไม่ได้ ขอดูผลการพิจารณาลงโทษที่ออกมาก่อน แต่เบื้องต้นก็ได้มีการไปแจ้งความในข้อหาทำร้ายร่างกายเอาไว้แล้ว
ด้านนายนรินทร์พงศ์ กล่าวว่า กรณีนี้ต้องแยกออกเป็น 3 ประเด็นเพื่อความเป็นธรรม 1.เรื่องการดำเนินคดีเกี่ยวกับแฟนบอลเจ้าบ้านที่ทำร้ายร่างกายผู้ตัดสิน ซึ่งเรื่องนี้เจ้าบ้านในฐานะเจ้าของสถานที่ต้องรับผิดชอบด้วยเพราะไม่สามารถควบคุมสถานการณ์อันเป็นเหตุร้ายได้ 2.ต้องให้คณะกรรมการฯ พิจารณาการทำหน้าที่ของผู้ตัดสินเองด้วยว่ามีการทำหน้าที่ผิดพลาดหรือไม่ เนื่องจากถือเป็นชนวนที่ก่อให้เกิดเหตุดังกล่าว และ 3.ในส่วนของการพิจารณาบทลงโทษซึ่งเกี่ยวกับการแข่งขันที่ออกมา จะต้องมีความเป็นธรรมตามหลักเกณฑ์และสมเหตุสมผล
ขณะที่นายวิมลกล่าวว่า รู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และยอมรับว่าเป็นเหตุการณ์ที่รุนแรงที่สุดนับตั้งแต่มีเอไอเอสลีกฯมา ขอยืนยันว่าจะเอาโทษสตูล ยูไนเต็ด อย่างถึงที่สุด จากนี้คงต้องรอฟังบทลงโทษของคณะกรรมการพิจารณาฯ ที่จะออกมา ซึ่งตนจะพยายามเร่งให้ผลการตัดสินออกมาเร็วที่สุด แต่หากเห็นว่าบทลงโทษยังไม่สมกับความรุนแรงและความเสียหายต่อภาพลักษณ์ที่เกิดขึ้น ก็จะเสนอเรื่องให้สภากรรมการสมาคมฟุตบอลฯ พิจารณาเพิ่มโทษด้วย
วันเดียวกัน “บังฝาด” พงศภัศ ทิ้งนุ้ย ผู้จัดการทีมสตูล โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า “ผมขอโทษแฟนบอลทุกคนและผมไม่ได้โกรธ ไม่โทษใคร ผลจะแพ้ชนะผมรับได้ ถ้ามันเป็นในเกมกีฬา แต่เหตุการณ์อัปยศแบบนี้มันเกิดซ้ำซากกับชาวสตูล ยอมรับว่าเสียดายกับเป้าหมายที่ตั้งใจไว้ แต่อย่างน้อยสังคมได้รู้ว่ามันเกิดที่อื่นไม่เป็นไร นี่คือแผ่นดินบ้านเกิดผม สตูล ผลออกมายังไง ผมรับได้”
สำหรับ วัฒนา ช่างเหลา ประธานสโมสร ขอนแก่น ยูไนเต็ด ปฏิเสธว่าตนหรือสโมสรไม่มีส่วนรู้เห็นกับการว่าจ้างผู้ตัดสินแต่อย่างใด ซึ่งที่ผ่านมาขอนแก่นก็เคยไม่ได้รับความเป็นธรรมจากผู้ตัดสินหลายครั้ง ส่วนการจะเอาผิดผู้ตัดสินที่กล่าวหาว่าช่วยทีมขอนแก่นหรือไม่นั้น จะหารือกันภายในสโมสรฯ อีกครั้ง
ทั้งนี้ ข้อบังคับของการแข่งขันฟุตบอลดิวิชั่น 2 ข้อ 3.2.10 ระบุว่า หากมีการทำร้ายเจ้าหน้าที่ฝ่ายจัดการแข่งขัน อาทิ ผู้ควบคุมการแข่งขัน, ผู้ประเมินผู้ตัดสิน, คณะผู้ตัดสิน ให้ลงโทษปรับสโมสร 100,000 บาท, ห้ามจัดการแข่งขันในฐานะเจ้าบ้าน 2 นัด และห้ามไม่ให้เข้าร่วมแข่งขันที่สมาคมฟุตบอลฯ จัดขึ้นเป็นเวลา 1 ปี หรือโทษอื่นๆ ตามที่คณะกรรมการฯ เห็นสมควร
Credit : http://www.thairath.co.th/