ปลัด พม. เป็นผู้แทน รมว. นำคณะเยี่ยมและให้กำลังใจเครือข่ายคนไทยในต่างประเทศ ที่ตั้งองค์กรช่วยเหลือดูแลคนไทยด้วยกันที่เยอรมนีและสวิตเซอร์แลนด์ พร้อมมอบใบรับรององค์กรสาธารณะประโยชน์เครือข่ายหญิงไทยในยุโรป องค์กรแรกในต่างแดน
เมื่อวันที่ 19 พ.ย. 58 นายไมตรี อินทุสุต ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เป็นผู้แทน พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ นำคณะไปพบเครือข่ายคนไทยในประเทศเยอรมนี และประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เพื่อรับฟังปัญหาและสร้างเครือข่ายการช่วยเหลือคนไทยในต่างประเทศ ระหว่างวันที่ 14-18 พ.ย. โดยเดินทางไปยังประเทศสหพันธรัฐเยอรมนี ประเทศแรก เมื่อวันที่ 14 พ.ย. 58 โดย นายไมตรี และ นางวันเพ็ญ สุวรรณวิสิฏฐ์ รองอธิบดีกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว ได้นำคณะเข้าพบ นายณัฐพัฒน์ ชำนิจารกิจ รองกงสุลใหญ่ ณ นครแฟรงก์เฟิร์ต พร้อมทั้งพบปะกับเครือข่ายและกลุ่มสตรีไทยกว่า 40 คน ในนครแฟรงก์เฟิร์ต และอีกหลายเมืองในเยอรมนี ที่สถานกงสุล เพื่อบอกเล่าถึงงานที่ พม. ทำเพื่อหญิงไทยในต่างประเทศ เช่น การจัดสวัสดิ การสังคม การป้องกันการค้ามนุษย์ รับฟังข้อเสนอ พร้อมทั้งกล่าวแสดงความชื่นชม และให้กำลังใจแก่ แกนนำเคือข่ายหญิไทยในการทำงานเพื่อช่วยส่วนรวม และขอให้หญิง ไทยและครอบครัวในต่างประเทศรักและสามัคคี เกื้อกูล เพื่อช่วยเหลือซึ่งกันและกัน รวมทั้งร่วมกันสร้างภาพลักษณ์ที่ดี เสมือนเป็นทูตที่ดีของประเทศไทยตามแนวทางของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี
จากนั้นวันที่ 16 พ.ย. นายไมตรี และคณะผู้แทน พม. เข้าเยี่ยมคารวะ นายทวีเกียรติ เจนประจักษ์ อุปทูต ณ กรุงเบิร์น ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ที่สถานเอกอัครราชทูต มีการหารือเพื่อรับทราบการทำงาน ด้านการป้องกันแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ การช่วยเหลือสตรีไทยและครอบครัวในสวิตเซอร์แลนด์แลก พร้อมทั้งเปลี่ยนความคิดเห็นในการทำงาน และแนวทางการร่วมมือกันระหว่าง พม. กับกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อให้การทำงานมีเอกภาพและเกิดพลังขับเคลื่อนมากยิ่งขึ้น โดย นายทวีเกียรติ เห็นว่า พม. เป็นหน่วยงานที่มีความเชี่ยวชาญในเรื่องสตรี ส่วนกระทรวงการต่างประเทศ อยู่ในพื้นที่ สามารถร่วมมือกันได้เป็นอย่างดี
ต่อมา 17 พ.ย. ปลัด พม. และคณะผู้แทน ได้เข้าเยี่ยมและรับฟังการบรรยายสรุปจากคณะผู้บริหารเมืองคัวร์ (Chur) รัฐเกราบึนเดิน ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ในด้านการปกครองและการช่วยเหลือผู้ย้ายถิ่นฐานมาอยู่ที่สวิตเซอร์แลนด์ ด้วยการส่งเสริมให้มีการปรับตัวในด้านการศึกษา วัฒนธรรม และการกีฬา ทั้งในระบบและนอกระบบโรงเรียน โดยมีอาสาสมัครคนไทยส่วนใหญ่เป็นสตรี มี นางนงลักษณ์ ใจสงฆ์ เทรพ ประธานเครือข่ายหญิงไทยในยุโรป เป็นแกนนำสรุปสถานการณ์ของคนไทยในต่างแดน ที่จัดกิจกรรมการสอนภาษาไทย-เยอรมนี วัฒนธรรมไทย-สวิส และให้คำปรึกษาทั้งด้วยตนเอง จดหมาย และโทรศัพท์ เกี่ยวกับการใช้ชีวิตครอบครัว บุตรหลาน และมีข้อเสนอให้ พม.สนับสนุนองค์กรของอาสาสมัครคนไทย ทั้งด้านทรัพยากรที่จำเป็นและองค์ความรู้ด้วย
พร้อมกันนี้ นายมาร์ติน เจเกอร์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการของรัฐเกราบึนเดิน ได้ปั่นจักรยานมาต้อนรับคณะของ นายไมตรี ท่ามกลางความประทับใจของทุกคน จากนั้น นายมาร์ติน บรรยายสรุปภาพรวมของรัฐ ตลอดจนการเมืองการปกครองของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ รวมทั้งตอบจ้อซักถามต่าง ๆ
ช่วงค่ำวันเดียวกัน นายไมตรี เข้าเยี่ยมพบปะคนไทยในสวิตเซอร์แลนด์ พร้อมร่วมงานเลี้ยงสังสรรค์กัน โดยได้กล่าวถึงความห่วงใยของ รมว.พม. ที่มอบหมายให้มาเยี่ยมเยียน และมอบสารจาก รมว.พม. ที่แสดงความขอบคุณและชื่นชมทุกคนนในความรัก สามัคคี เกื้อกูลและช่วยเหลือกัน นับเป็นส่วนสำคัญในการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับประเทศไทย ในโอกาสนี้ ปลัด พม. ได้มอบใบรับรององค์กรสาธารณประโยชน์ให้กับประธานเครือข่ายหญิงไทยในยุโรป นับเป็นองค์กรแรกในต่างประเทศ นอกจากนี้ ยังได้รับฟังข้อเสนอแนะของคนไทยในสวิตเวอร์แลนด์ เพื่อนำไปกำหนดแนวทางความช่วยเหลือและสนับสนุนการทำงานขององค์กรต่างๆ ที่มาร่วมงาน อาทิ สมาคมช้างน้อย สมาคมแสงตะวัน ชมรมไทย-สวิส อาคเนย์ โดยประมาณปลายเดือน มิ.ย. 59 รมว.พม. ได้รับเชิญให้เดินทางไปเป็นประธานการประชุมเครือข่ายหญิงไทยในยุโรปที่ประเทศนอร์เวย์ด้วย
อย่างไรก็ตาม นายไมตรี กล่าวว่า พม. มีนโยบายและการดำเนินงานที่สำคัญกับเครือข่ายคนไทยในต่างประเทศ อาทิ การเปิดให้มีเว็บไซต์ www.yingthai.net เพื่อให้หญิงไทย และเครือข่ายทั้งในและต่างประเทศได้ใช้ประโยชน์เพื่อความรู้ และประสานประโยชน์ในบริการของรัฐบาลกว่า 8 หน่วยงาน รวมทั้ง สนับสนุนให้มีการจัดอบรมอาสาสมัครคนไทยในต่างประเทศ เช่น การจัดโครงการนำร่องอาสาสมัครคนไทยในเบอร์ลิน และจะขยายผลให้มีการจดทะเบียนองค์กรสาธารณประโยชน์ในกลุ่มเครือข่ายคนไทยในต่างประเทศ เพื่อเข้าถึงสิทธิในเงินอุดหนุนการจัดสวัสดิการสังคม ส่วนในประเทศไทยมีการอบรมเตรียมความพร้อมให้แก่คนไทยที่จะไปใช้ชีวิตครอบครัวในต่างประเทศ
ทั้งนี้ เพื่อให้คนไทยมีความรักสามัคคีกัน เกื้อกูล เอื้ออาทร ช่วยเหลือกันและกันเป็นสำคัญ รวมถึงจะได้สร้างสรรค์โครงการและกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ทั้งการดำเนินการให้ และสนับสนุนให้เครือข่ายเป็นผู้ดำเนินการต่อไป.
Credit : http://www.thairath.co.th/