“ช้างศึก” ทีมชาติไทย พร้อมลงกะซวก “ตี๋น้อย” ไต้หวัน ในศึกฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก วันนี้ (12 พ.ย.) ที่ราชมังคลากีฬาสถาน เวลา 19.00 น. ไทยรัฐทีวียิงสดให้ชมเช่นเดิม โดยเข้ารายการตั้งแต่เวลา 5 โมงเย็นเป็นต้นไป ด้าน “ซิโก้” เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง ลั่นจัดผู้เล่นทัพใหญ่ลงสนามเต็มอัตราศึก โดยมี “เจ้ามุ้ย” ธีรศิลป์ แดงดา ยืนเป็นหัวหอกล่าสกอร์ มั่นใจซิว 3 แต้ม ตามเป้าหมายได้แน่…
ความเคลื่อนไหวของ “ช้างศึก” ทีมชาติไทย ชุดใหญ่ ซึ่งมีโปรแกรมจะลงฟาดแข้งศึกฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย กลุ่มเอฟ นัดที่ 5 พบกับ “ตี๋น้อย” ไต้หวัน ในวันนี้ (12 พ.ย.) ที่ราชมังคลากีฬาสถาน เวลา 19.00 น. ซึ่งไทยรัฐทีวีจะถ่ายทอดสดให้ชม เริ่มเข้ารายการตั้งแต่เวลา 17.00 น. เป็นต้นไปนั้น ล่าสุดเมื่อวันที่ 11 พ.ย. ที่ผ่านมา “ซิโก้” เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง กุนซือใหญ่ของทีมได้นำนักเตะลงฝึกซ้อมเป็นครั้งสุดท้ายที่ราชมังคลากีฬาสถาน โดย “เมสซีเจ” ชนาธิป สรงกระสินธ์ กองกลางตัวเก่งที่มีอาการบาดเจ็บโคนขาหนีบและไม่ได้ซ้อมกับเพื่อนร่วมทีมหลายวัน สามารถกลับมาฝึกซ้อมกับเพื่อนร่วมทีมได้แล้ว
“ซิโก้” เปิดเผยว่า วันนี้เราฝึกซ้อมเพียงแค่เบาๆ ไม่มีการขึ้นเกม เพียงแต่ให้นักเตะเล่นลิงชิงบอล เพื่อยืดเส้นยืดสาย รวมทั้งฝึกซ้อมการยิงประตูเพิ่มความแม่นยำเท่านั้น สำหรับการพบกับไต้หวันจะไม่ใช่งานง่ายแน่นอน แม้พวกเขาจะเป็นทีมบ๊วยของกลุ่ม เราจะประมาทไม่ได้เด็ดขาด เกมนี้เราจะเล่นในเกมของเราและแท็กติกที่ซ้อมกันมาร่วม 2 สัปดาห์ ซึ่งทุกคนมีความเข้าใจระบบการเล่นดีอยู่แล้ว และตนเชื่อว่าไต้หวันจะมาเล่นอย่างรัดกุมและเน้นเกมรับไว้ก่อนแน่นอน อย่างไรก็ตามตนมั่นใจว่าหากเราเล่นได้ตามแท็กติกจะทะลวงประตูและเก็บ 3 แต้มตามเป้าหมายที่วางเอาไว้ได้แน่
ส่วนผู้เล่นที่จะใช้ลงสนามนั้นจะเป็นผู้เล่นชุดใหญ่แน่นอน โดยจะยึดผู้เล่นจากชุดที่บุกไปเอาชนะเวียดนาม 3-0 เป็นแกนหลัก นำโดย “กัปตันอุ้ม” ธีราทร บุญมาทัน, สารัช อยู่เย็น, เกริกฤทธิ์ ทวีกาญจน์ และ “เจ้ามุ้ย” ธีรศิลป์ แดงดา ส่วน ชนาธิป สรงกระสินธ์ ที่ลงฝึกซ้อมได้แล้ว ก็มีโอกาสเป็นตัวจริงได้เช่นกัน แต่ตนขอตัดสินใจอีกครั้งก่อนเกม
สำหรับ 11 ผู้เล่นคนแรกของทีมชาติไทยที่คาดว่าจะลงสนามในระบบ 4-3-3 ประกอบไปด้วย ผู้รักษาประตู กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ แบ็กขวา ทริสตอง โด, แบ็กซ้าย ธีราทร บุญมาทัน, คู่เซ็นเตอร์แบ็ก สุทธินันท์ พุกหอม กับ ธนบูรณ์ เกษารัตน์, กองกลาง สารัช อยู่เย็น, ปกเกล้า อนันต์, ชนาธิป สรงกระสินธ์, ริมเส้นขวา มงคล ทศไกร, ริมเส้นซ้าย เกริกฤทธิ์ ทวีกาญจน์ และกองหน้าตัวเป้า “มุ้ย” ธีรศิลป์ แดงดา
ขณะเดียวกัน ไต้หวัน ภายใต้การคุมทีมของ เฉิน กุ้ย เจิน ที่เพิ่งอุ่นเครื่องแพ้โอสถสภา เอ็ม 150 ทีมในศึกไทยพรีเมียร์ลีกมา 0-2 ก็ลงฝึกซ้อมที่ราชมังคลากีฬาสถานต่อจากทีมไทย ซึ่งพวกเขาเตรียมส่งผู้เล่นชุดที่ดีที่สุดลงสนามเช่นกัน นำโดย เฉิน ห้าว เหว่ย, วู่ ฉุน ชิง, เหวิน ชิ เหา, เฉิน ยี่ เหว่ย
ด้านสถานการณ์ของกลุ่มนี้ ทีมไทยนำเป็นอันดับ 1 แข่ง 4 นัดมี 10 คะแนน อันดับ 2 อิรัก เตะ 3 นัดมี 5 คะแนน, อันดับ 3 เวียดนาม เตะ 4 นัดมี 4 คะแนน และอันดับ 4 ไต้หวัน เตะ 3 นัด ไม่มีคะแนน ซึ่งหากทีมชาติไทยเก็บชัยชนะเหนือไต้หวันได้ จะทำให้โอกาสผ่านเข้ารอบ 12 ทีมสุดท้ายมีค่อนข้างสูง
อนึ่งสถิติการพบกันนับเฉพาะการบันทึกของสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือฟีฟ่า ปรากฏว่า ทั้ง 2 ทีมเคยเจอกันมาแล้ว 8 ครั้ง ไทย ชนะ 3 เสมอ 1 และไต้หวัน ชนะ 4 ซึ่งครั้งล่าสุดทีมไทยเป็นฝ่ายบุกไปเอาชนะได้ 2-0 ในรายการนี้ เมื่อวันที่ 16 มิ.ย.ปีนี้ โดยทั้ง 2 ประตูของทีมไทยได้จาก “เจ้ามุ้ย” ธีรศิลป์ แดงดา ขณะที่อันดับโลกล่าสุดนั้น ไทยรั้งอยู่อันดับที่ 144 ของโลก และอันดับ 22 ของเอเชีย ส่วนไต้หวันรั้งอันดับ 187 ของโลก และอันดับ 42 เอเชีย
Credit : http://www.thairath.co.th/
