ประธานาธิบดี บาชาร์ อัล-อัสซาด แห่งประเทศซีเรีย (ภาพ: AFP)
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ประธานาธิบดี บาชาร์ อัล-อัสซาด แห่งประเทศซีเรีย แถลงต่อสาธารณะเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 1 ปี เมื่อวันอาทิตย์ โดยยอมรับว่า กองทัพซีเรียมีกำลังคนไม่พอที่จะปกป้องดินแดนทั้งหมดของประเทศจากฝ่ายกบฏ จนถูกบีบให้ต้องยอมทิ้งพื้นที่บางส่วนเพื่อรักษาบางส่วนเอาไว้
เหตุสงครามกลางเมืองในประเทศซีเรียซึ่งปะทุเมื่อเดือนมี.ค. 2011 ขณะนี้เข้าสู่ปีที่ 5 แล้ว ทำให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 230,000 คนและประชาชนอีกหลายล้านคนต้องกลายเป็นผู้พลัดถิ่น พื้นที่หลายส่วนไม่ได้อยู่ภายใต้การควบคุมของรัฐบาลซีเรียอีกต่อไป โดยในปีนี้กองทัพซีเรียเสียเมืองอิดลิบทางตะวันตกเฉียงเหนือให้ฝ่ายกบฏ เสียพื้นที่หลายส่วนทางใต้และเมืองพัลไมราทางตะวันออกเฉียงเหนือแก่กลุ่มติดอาวุธรัฐอิสลาม (ไอซิส)
ขณะที่ทหารกว่า 300,000 นายของกองทัพซีเรียก็ลดลงกว่าครึ่งจากการเสียชีวิตกว่า 80,000 นาย และ แปรพักตร์ หรือหนีทหารอีกกว่า 70,000 นาย ตามข้อมูลของกลุ่มสังเกตการณ์เพื่อสิทธิมนุษยชนในซีเรีย (เอสโอเอชอาร์)
ล่าสุดเมื่อวันอาทิตย์ ประธานาธิบดีอัสซาดออกมายอมรับผ่านแถลงการณ์ซึ่งถ่ายทอดทางโทรทัศน์ว่า กองทัพของเขาไม่มีกำลังคนพอที่จะปกป้องพื้นที่ทั้งหมดของประเทศได้อีกแล้ว โดยเฉพาะเมื่อฝ่ายกบฏได้รับการสนับสนุนจากภายนอก (ซาอุดีอาระเบีย, ตุรกี และกาตาร์) มากขึ้น “บางครั้ง ในบางสถานการณ์ เราถูกบีบให้ต้องทิ้งพื้นที่หนึ่งเพื่อย้ายกองกำลังเหล่านั้นไปยังอีกพื้นที่หนึ่งที่เราต้องการจะรักษาเอาไว้ เราต้องกำหนดภูมิภาคสำคัญที่ทหารต้องรักษา เพื่อไม่ให้พื้นที่ที่เหลือต้องล่มสลาย” นายอัสซาดกล่าว
อย่างไรก็ตาม ผู้นำซีเรียยังคงมั่นใจว่ากองทัพจะสามารถปกป้องพื้นที่แกนกลางสำคัญทั้งหลายเช่น กรุงดามัสกัส เมืองฮอมส์และฮามา รวมทั้งพื้นที่ชายฝั่งเอาไว้ได้ อัสซาดยังตัดความเป็นไปได้ที่จะมีการเจรจาเพื่อแก้ปัญหาในเวลานี้ “การพ่ายแพ้ด้วยคำพูดไม่มีอยู่ในพจนานุกรมของกองทัพซีเรีย และการล่มสถายก็ไม่มีเช่นกัน เราจะต่อต้านและเราจะชนะ” นายอัสซาดกล่าว
Credit : http://www.thairath.co.th/