อากาศร้อน ๆ แบบนี้ หลายคนต้องซื้อหาน้ำอัดลมเย็นชื่นใจมาดื่มกัน แต่อาจยังไม่ทราบกันว่าการดื่มน้ำอัดลม เครื่องดื่มดับกระหายของใครหลายคนนั้น มีผลเทียบเท่าการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และ ถ้าดื่มมากเกินไป เสี่ยงต่อการเป็นโรคตับได้
ซึ่งรายละเอียดเรื่องนี้ นายแพทย์กรณ์ ปองจิตธรรม แพทย์อายุรกรรม ทางเดินอาหารและโรคตับ โรงพยาบาลสมิติเวช กล่าวว่า ความหวานในน้ำอัดลม มีผลเชื่อมโยงในการเกิดโรคตับได้จริง เนื่องจากพลังงานที่เราได้จากการบริโภคน้ำอัดลม เป็นพลังงานจากน้ำตาลล้วนๆ โดยจะเห็นว่าน้ำอัดลมขนาด 325 มิลลิลิตร มีพลังงานจำนวน 140 แคลอรี่ หรือขนาด 410 มิลลิลิตร มีพลังงาน 510 กิโลแคลอรี่
ซึ่งถ้าเราบริโภคเป็นจำนวนมาก และเป็นระยะเวลานาน เช่นบริโภคเกินวันละ 2 กระป๋อง จะส่งผลให้ร่างกายมีน้ำหนักเกินกว่าปกติ เป็นโรคเบาหวาน โรคกระดูกพรุน ไขมันในเลือดสูง และที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ คือเป็นโรคที่หลายคนคาดไม่ถึง คือ มีไขมันพอกตับ เกิดอาการตับอักเสบเรื้อรัง โดยจากสถิติพบว่า กว่าร้อยละ 60 ของคนที่มีไขมันพอกในตับเป็นเวลานาน จะเกิดเป็นโรคตับแข็งตามมา โดยที่ไม่จำเป็นต้องดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ รวมถึงยังสามารถก่อให้เกิดเป็นโรคหัวใจ และมะเร็งตับได้มากกว่าคนปกติ ถึงร้อยละ 5
และที่น่าเป็นห่วง คือหลายคนหลีกเลี่ยงโดยการหันไปดื่มน้ำอัดลมที่ปราศจากน้ำตาล หรือ Low Fat เพื่อป้องกันโรคที่จะเกิดขึ้น ซึ่งตามข้อเท็จจริงแล้ว การดื่มน้ำอัดลมที่ไม่มีน้ำตาลนั้น มีผลกระทบต่อการเกิดโรคต่าง ๆ ได้เช่นเดียวกับการดื่มน้ำอัดลมปกติ เพียงแต่จะไม่ส่งผลให้ร่างกายมีน้ำหนักเกินเท่านั้น เพราะส่วนประกอบต่าง ๆ จากน้ำอัดลม จะทำงานผ่านตับ และกลายเป็นเมธิลแอลกอฮอล์ ส่งผลกระทบได้เหมือนเราดื่มแอลกอฮอล์เข้าไป
นอกจากนี้ โรคที่เกี่ยวกับตับจะไม่มีสัญญาณเตือนแต่อย่างไร จะต้องใช้ วิธีเจาะเลือดตรวจหาระดับน้ำตาล และตรวจการทำงานของตับเท่านั้น จึงจะทราบความผิดปกติ และทำการรักษาต่อไป ซึ่งทางที่ดีที่สุด ควรปรับเปลี่ยนพฤติกรรมมาดื่มน้ำเปล่า ชาจีน น้ำสมุนไพร และเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลน้อยแทน เพื่อสุขภาพที่ดี แต่สำหรับผู้ที่ติดคาเฟอีนในน้ำอัดลมมากๆ ควรดื่มกาแฟดำที่ไม่มีน้ำตาลแทน เนื่องจากมีรายงานต่างประเทศพบว่า การดื่มกาแฟดำที่ไม่มีน้ำตาลในปริมาณที่มากพอ จะช่วยให้ตับฟื้นตัวได้ในระดับหนึ่ง
Credit : http://ch3.sanook.com/