รูดม่านปิดฉากไปอย่างเป็นทางการ สำหรับมหกรรมกีฬาของชาวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรือ ซีเกมส์ ครั้งที่ 28 ที่สิงคโปร์ เป็นเจ้าภาพ และทัพนักกีฬาของไทยก็สามารถรักษาความเป็นเจ้าแห่งภูมิภาคไว้ได้อย่างยอดเยี่ยม ด้วยการรักษาตำแหน่งเจ้าเหรียญทองไว้ได้อีกสมัย…
ซึ่งการแข่งขันที่มีการขับเคี่ยว ตื่นเต้น เร้าใจ ชัยชนะบนรอยยิ้ม และคราบน้ำตา เกิดขึ้นตลอดช่วงเวลากว่า 10 ปี บนผืนพื้นแผ่นดินที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้นำแห่งเศรษฐกิจของภูมิภาคเอเชียอาคเนย์ และเป็นธรรมเนียมว่าในการแข่งขันทุกครั้ง ย่อมมีเรื่องราวไว้ให้กล่าวขานถึงกันอย่างกว้างขวาง และวันนี้ทีมข่าวกีฬาไทยรัฐออนไลน์ ได้รวบรวมเอาความเป็นที่สุดของการแข่งขันในครั้งนี้ มาให้ได้รับทราบกัน
ส่งนักกีฬามากที่สุด
เกือบจะเป็นธรรมเนียมไปแล้วว่าทุกการแข่งขันตั้งแต่ซีเกมส์ยันโอลิมปิก ชาติเจ้าภาพมักจะส่งนักกีฬามากที่สุดเนื่องจากด้วยกฎข้อบังคับที่เป็นใจ แต่สำหรับการแข่งขันในครั้งนี้ กลับเป็นทัพนักกีฬาจากสยามประเทศที่ส่งนักกีฬา และเจ้าหน้าที่มากที่สุดด้วยจำนวนถึง 744 คน เฉือนเจ้าภาพสิงคโปร์ไปเพียงแค่คนเดียวเท่านั้น ขณะที่อันดับที่ 3 ได้แก่ อดีตมหาอำนาจเจ้าเหรียญทองหลายสมัยอย่าง อินโดนีเซีย ที่ส่งเพียง 511 คน
*********************
ใจดีที่สุด
หากพูดถึงเรื่องของความใจดีที่สุดคงหนีไม่พ้น สิงคโปร์ เพราะในการแข่งขันซีเกมส์ครั้งนี้ มีการเปิดให้ผู้ชมเข้าชมการแข่งขันฟรีถึง 18 จาก 36 ชนิดกีฬา เรียกได้ว่าครึ่งต่อครึ่งเลยทีเดียว ซึ่งส่วนใหญ่เป็นประเภทที่ไม่ค่อยได้รับความนิยม และเจ้าภาพไม่มีหวังคว้าเหรียญทอง ไม่ว่าจะเป็น เรือพาย, โบว์ลิ่ง, ยิงธนู, กรีฑา, จักรยาน, ยิงปืน, ซอฟต์บอล, กอล์ฟ, ไตรกีฬา หรือแม้แต่ เทนนิส ก็รวมอยู่ด้วย ส่วนประเภทกีฬาที่ต้องเสียค่าบัตรเข้าชมจะแบ่งตามประเภทความนิยม ซึ่งจะเริ่มตั้งแต่ราคา 1 ดอลลาร์สิงคโปร์ (ประมาณ 25 บาท) ไปจนถึง 20 ดอลลาร์สิงโปร์ (ประมาณ 500 บาท) แต่ยังไม่รวมบัตรเข้าชมพิธีเปิดและปิด ซึ่งจำหน่ายที่ 30-60 ดอลลาร์สิงคโปร์
*********************
เงิบที่สุด
อาจจะเรียกได้ว่าเป็นช็อตสุดฮาประจำการแข่งขันเลยก็ว่าได้ เมื่อสองนักกระโดดน้ำทีมชาติฟิลิปปินส์อย่าง จอห์น ฟาบริกา และ จอห์น ปาโฮโย ซึ่งลงแข่งขันในประเภทซิงโครไนซ์สปริงบอร์ด 3 เมตร เกิดพลาดท่าตีลังกาไม่ครบรอบ ตัวกระแทกน้ำเสียงดังฟังชัดทำให้กรรมการไม่มีทางเลือกนอกจากให้คะแนนที่ 0.00 แก่ทั้งสองคน
อย่างไรก็ตาม โค้ชของทีมตากาล็อกได้ออกมาแก้ตัวแทนนักกีฬาทั้งสองคนว่า ความผิดพลาดเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา อีกทั้ง 2 หนุ่มเป็นนักกีฬาสายเลือดใหม่ที่เพิ่งจะฝึกซ้อมได้ไม่กี่เดือน ซึ่งนี่คือบทเรียนที่ทั้งคู่จะจดจำไปอีกนาน พร้อมเชื่อว่าจะกลับมาแก้ตัวได้อีกครั้งในการแข่งขันที่มาเลเซียในครั้งต่อไป
*********************
ไร้เทียมทานที่สุด
เป็นเพียงไม่กี่ชนิดกีฬาของไทยที่ลงแข่งขันในซีเกมส์ แทบจะเชื่อขนมกินได้เลยว่าคว้าแชมป์มาครองได้อย่างแน่นอน เนื่องจากศักยภาพของทีมนักตบสาวไทยที่ก้าวไกลไปอยู่ในระดับชั้นแนวหน้าของเอเชีย และอันดับต้นๆ ของโลกในปัจจุบัน ทำให้ในย่านอาเซียนเป็นเพียงแค่เวทีประลองสนามของบรรดาดาวรุ่งเท่านั้น และด้วยการเยือนแป้นในอันดับที่ 1 มาอย่างยาวนานเกือบ 3 ทศวรรษ จึงเป็นเรื่องยากที่คู่แข่งจะแย่งเหรียญทองจากมือของนักวอลเลย์บอลสาวไทยได้ รวมถึงน่าจะเป็นเช่นนี้ต่อไปอีกนาน
*********************
เหรียญทองอายุน้อยที่สุด
สร้างความฮือฮาดังลั่นเกาะสิงคโปร์ได้มากพอสมควร สำหรับสาวน้อยวัยเพียงแค่ 11 ขวบ อย่าง “อาลียาห์ ฮานิฟาห์ ยูง” นักกีฬาจากแดนเสือเหลือง ที่ปาดหน้าบรรดารุ่นพี่ คว้าเหรียญทองมาครองได้สำเร็จ ในการแข่งขันวอเตอร์สกี ขณะที่น้องชาย ไอเดน ยูง วัย 9 ขวบ ก็เก่งไม่แพ้กัน กระชากเหรียญทองแดงมาคล้องคอ ในประเภท ทริคส์ชาย แต่น่าเสียดายที่ เจ้าหนูอดัม น้องเล็กคนสุดท้ายของตระกูล พลาดยืนแป้น ไม่งั้นคงได้เป็นที่ฮือฮากันมากกว่านี้ และเชื่อว่าในซีเกมส์ครั้งต่อไปบนแดนแหลมมลายู พี่น้องจากตระกูล “ยูง” น่าจะเป็นตัวเต็งของการแข่งขันอย่างไม่ต้องสงสัย
*********************
วุ่นวายที่สุด
วุ่นวายที่สุดต้องยกให้กับการประท้วงของทีมวอลเลย์บอลหญิงจากแดนตากาล็อก และ เวียดนาม ที่ยื่นเรื่องประท้วงต่อฝ่ายจัดการแข่งขัน ให้มีการตรวจเพศ “อาพริเลีย ซานตินี มังกาแนง” ตัวตบร่างกำยำของทีมอิเหนา ที่มีพลกำลังและหุ่นที่คล้ายกับผู้ชายอกสามศอก ทำให้ต้องร้อนถึงทีมงานแพทย์และฝ่ายเทคนิค ออกคำสั่งให้สมาคมลูกยางอิเหนาส่งใบรับรองเพื่อยืนยันความเป็นหญิงของ อาพริเลีย และส่งท้ายคำร้องดังกล่าวก็ตกไปเนื่องจากเช็กแล้วว่าเป็นหญิงแท้ 100 เปอร์เซ็นต์
ขณะที่เจ้าตัว ไม่ได้รู้สึกสะทกสะท้านแต่อย่างใด พร้อมกับกล่าวติดตลกว่า เรื่องดังกล่าวไม่ได้ส่งผลกระทบกับเธอและครอบครัว แต่อาจจะทำให้เธอกลายเป็นคนดัง และมีแต่คนอยากรู้จักบนเกาะสิงคโปร์มากขึ้นแค่นั้นเอง
*********************
ปิดฉากสวยที่สุด
ในการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ครั้งนี้ มีนักกีฬาหลายคนที่ต้องการจบเส้นทางบนถนนสายเกียรติยศ ด้วยการประสบความสำเร็จและคว้าเหรียญทองมาคล้องคอให้ได้ ก่อนประกาศเลิกเล่น ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ “เจ้านนท์” นนทพัฒน์ ปานจันทร์ นักดาบฟอยล์ มือหนึ่งทีมชาติไทย
นักกีฬาวัย 34 ปี รับใช้ชาติมาอย่างยาวนานกว่า 10 ปี ผ่านศึกมาแล้วเกือบทุกสนามไล่ตั้งแต่ ซีเกมส์, เอเชียน เกมส์ รวมไปจนถึงโอลิมปิกเกมส์ ที่ปักกิ่ง ในปี 2008 ส่วนดีกรีในละแวกอาเซียนก็ไม่ธรรมดา เมื่อทำสถิติคว้าเหรียญทองในประเภทฟอยล์ บุคคลชาย มาได้ถึง 5 สมัย ไล่ตั้งแต่ ปี 2001 ที่กัวลาลัมเปอร์ จนถึงครั้งล่าสุด ที่สิงคโปร์ ซึ่งทำได้ตามเป้าหมาย อีกทั้งยังเป็นการประเดิมเหรียญทองแรกให้กับทัพนักกีฬาของไทยในการแข่งขันครั้งนี้ด้วย
*********************
น่าผิดหวังที่สุด
อาจจะเรียกได้ว่าเป็นสมาคมดีหนึ่ง ประเภทหนึ่งของคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศมาอย่างช้านาน สำหรับสมาคมมวยสากลสมัครเล่นแห่งประเทศไทย เพราะไม่ว่าเวทีไหนก็สร้างผลงานชิ้นโบว์แดงมานับไม่ถ้วน แต่กลับไม่ใช่สำหรับการแข่งขันซีเกมส์บนแผ่นดินลอดช่อง เมื่อเก็บได้เพียง 2 เหรียญทอง จากเป้าหมาย 6 เหรียญที่ประกาศไว้ก่อนหน้านี้
เพราะนับตั้งแต่ความสัมพันธ์กับไอบา เปลี่ยนไป กติกาการแข่งขันเปลี่ยนไป ประสิทธิภาพในการผลิตเหรียญของขุนพลกำปั้นไทยก็เริ่มสาละวันเตี้ยลงมาอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่โอลมปิก ลอนดอนเกมส์ ไร้เหรียญทอง, เอเชียน เกมส์ ที่อินชอน เก็บมาได้เพียงเหรียญทองเดียว และล่าสุดเก็บได้เพียง 2 ทอง จากชาย และหญิงเพียงประเภทละ 1 รุ่นเท่านั้น ทำให้เกิดคำถามตัวโตว่า ถึงเวลาหรือยังที่จะมีการเปลี่ยนในสมาคมแห่งนี้ เพราะหากไม่เปลี่ยน บางทีในอนาคตอันใกล้เราสูญสิ้นถึงความเป็นมหาอำนาจแห่งวงการผืนผ้าใบในละแวกนี้เป็นแน่แท้
*********************
สวยที่สุด นักวอลเลย์บอลหญิงฟิลิปปินส์
บรรดาหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ต่างชื่นใจกันเป็นแถว เมื่อซีเกมส์ครั้งนี้ แจ้งเกิดนักตบสาวหน้าตาดีจากแดนตากาล็อกอย่าง ราเชล แอนน์ ดาควิส ที่โดดเด่นทั้งในและนอกสนาม แม้จะไม่สามารถพาทีมวอลเลย์บอลฟิลิปปินส์ ขึ้นยืนแป้นได้ในการแข่งขันครั้งนี้ แต่เชื่อว่าหนุ่มๆ ทั่วอาเซียน น่าจะได้ติดตามผลงานและเอาใจช่วยเธอในการแข่งขันวอลเลย์บอลลีกของฟิลิปปินส์อย่างแน่นอน
*********************
ร้องไห้หนักที่สุด ทีมฟุตบอลเวียดนาม
เจ้าของฉายา “บาร์ซา แห่ง อาเซียน” ไม่ใช่ได้มาเพราะโชคช่วย แต่เป็นเพราะการสถาปนากันแบบอวยเต็มที่ของแฟนบอลสกุลเหงียน ที่หวังเห็นนักเตะของพวกเขาก้าวขึ้นมาครองความยิ่งใหญ่ในอาเซียน ด้วยการคว้าเหรียญทองมาครอง รวมทั้งเอาชนะไทยให้ได้ แต่ก็เหมือนครั้งนี้จะไม่ใช่วันของเวียดนาม เมื่อโดนขยี้ดอกแรกด้วยการพ่ายไทยในรอบแบ่งกลุ่มนัดสุดท้าย แบบหมดทางสู้ 3-1 ถึงกระนั้นกลับไม่ได้สร้างความสะทกสะท้านให้กับ โทชิยะ มิอูระ กุนซือจากแดนปลาดิบ และแฟนบอลทางโซเชียลมีเดีย ที่ปรามาสว่าเป็นการอุบไต๋เพื่อเอาไว้ขยี้ทีมช้างศึก ยู-23 ในรอบชิงชนะเลิศ
แต่แล้ววันมหาวิปโยกของทีมชาติเวียดนามก็มาถึง เมื่อในรอบตัดเชือกพ่ายให้กับ เมียนมา ไปแบบน้ำตาท่วมสนามสปอร์ต ฮับ 2-1 ทำได้เพียงแค่คว้าเหรียญทองแดงมาปลอบใจ และต้องกลับไปเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่ในอีก 2 ปี ข้างหน้าบนดินแดนเสือเหลือง
*********************
โกยเหรียญเยอะที่สุด
สมาคมกรีฑายังคงแสดงแสนยานุภาพได้อย่างเกรียงไกร เมื่อผลิตเหรียญให้กับทัพนักกีฬาไทยได้อย่างเป็นกอบเป็นกำถึง 17 เหรียญทอง มากกว่าในหลายครั้งที่ผ่านมา ถึงแม้จะเสียแชมป์เจ้าลมกรดทั้งชายทั้งหญิงไปในประเภท 100 เมตร แต่นั่นก็น่าจะเป็นกระจกสะท้อนบานใหญ่ให้กับนักกีฬาหลายคนที่พลาดหวัง ได้กลับมามุ่งมั่นแก้ตัวอีกครั้งในอีก 2 ปี ข้างหน้า
*********************
หล่อและเก่งที่สุด
โจเซฟ สคูลลิง หนุ่มลูกครึ่งอังกฤษ-สิงคโปร์ วัย 19 ปี รายนี้ สร้างผลงานได้อย่างน่าสนใจไม่แพ้หน้าตาอันหล่อเหลา เมื่อกระหน่ำไปคนเดียว 9 เหรียญทอง โดยเป็นฟอร์มอันร้อนแรงต่อเนื่องมาจากเอเชียนเกมส์ 2014 ที่คว้าเหรียญทองได้ในการแข่งขันผีเสื้อ 100 เมตร รวมถึงเหรียญเงินในการแข่งขันกีฬาเครือจักรภพ 2014 ที่สกอตแลนด์ ส่วนในซีเกมส์นั้น จาก 3 ครั้งที่เข้าร่วมแข่งขัน ทำไปแล้วถึง 16 เหรียญทอง และด้วยอายุเพียงแค่นี้ น่าจะทำลายสถิติเดิมของ โจว สลิน โยว ราชินีสระเพื่อนร่วมชาติ ซึ่งเคยทำไว้ที่ 40 เหรียญทองได้ไม่ยากเย็น
*********************
ชิงเหรียญมากที่สุด
หากจะนับรวม 402 เหรียญทองจากแข่งขันในครั้งนี้ ประเภทกีฬาที่มีการชิงเหรียญมากที่สุดคงหนีไม่พ้น 3 อีเวนต์สากลอย่าง กรีฑา 46 เหรียญ, ว่ายน้ำ 38 เหรียญ, และ ยิงปืน อีก 26 ซึ่งหากจะลงรายละเอียดแล้ว ที่กล่าวมานั้นคือกีฬาประเภทที่ ไทย และ สิงคโปร์ โกยเหรียญได้อย่างเป็นกอบเป็นกำ และทำอันดับขึ้นมายืนอยู่ในตารางอันดับของซีเกมส์ครั้งนี้
*********************
ได้เหรียญรางวัลน้อยที่สุด
ชาติน้องใหม่ของอาเซียนอย่าง ติมอร์ เลสเต คว้าเหรียญมาครองได้เพียงแค่ 1 เงิน และ 1 ทองแดง เท่านั้นเอง ซึ่งหากวัดจากจำนวนบุคลากรที่เข้าร่วมเพียง 59 คน ถือว่าอยู่ในขั้นน่าพอใจ เพราะอีก 2 ชาติ ทั้ง ลาว และ บรูไน ก็ไร้เหรียญทองเช่นกัน แต่ส่งนักกีฬามากกว่าเกือบเท่าตัว จึงน่าสนใจว่าหากในอนาคตมีการพัฒนาที่ดีขึ้น น่าจะเป็นอีกหนึ่งชาติที่น่ากลัวไม่น้อยในการแย่งเหรียญกับเพื่อนร่วมภูมิภาคได้อย่างสนุก
*********************
เจ็บใจที่สุด
ในการแข่งขันครั้งนี้ นอกจากสิงคโปร์เจ้าภาพที่ต้องพยายามขับเคี่ยวแย่งชิงตำแหน่งเจ้าเหรียญทองมาครองแล้ว ยังมี เวียดนาม มาเป็นคู่แข่งสำคัญที่คอยแย่งเหรียญจากไทย ชนิดห่ำหั่นกันลืมตาย
เหตุการณ์ที่น่าเจ็บใจ คือการแข่งขันจักรยานในประเภทถนน “จุฑาทิพย์ มณีพันธ์” นักปั่นน่องเหล็กของไทย ปั่นเข้าเส้นชัยมาเป็นที่ 1 แต่กลับถูกฝ่ายจัดการแข่งขันปรับแพ้ฟาวล์ เนื่องจาก เวียดนาม ฟ้องว่าถูกกระแทกขณะเข้าเส้นชัย สร้างความเสียใจให้กับทีมนักปั่นไทยที่โดนปากหน้าคว้าทองไปแบบน่าเจ็บใจ เรียกได้ว่าหากมีโอกาส เหงียนพร้อมปาดหน้าไทยทุกเมื่อ
*********************
สะใจที่สุด ทีมบอลชายไทย
ทีมช้างศึกชุดอายุไม่เกิน 23 ปี ถึงแม้ในครั้งนี้จะมาป้องกันแชมป์ โดยไม่มี เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง แต่เพื่อนซี้อย่าง โชคทวี พรหมรัตน์ กลับทดแทนได้อย่างไร้ที่ติ เมื่อสามารถพาทีมป้องกันแชมป์เหรียญทองได้ด้วยการกระหน่ำคู่แข่งไปถึง 24 ลูก จากการลงสนาม 7 นัด เสียไปเพียงแค่ลูกเดียวเท่านั้น รวมถึงไฮไลต์เด็ดคือการเอาชนะเวียดนาม ในรอบแรก 3-1 และการย้ำแค้น เมียนมา อีกครั้งในรอบชิงชนะเลิศ 3-0 เหมือนเมื่อ 22 ปีที่แล้ว ซึ่งสิงคโปร์ เป็นเจ้าภาพในครั้งนั้นด้วยเช่นกัน
หลังจากการแข่งขันอันเหน็ดเหนื่อยเสร็จสิ้นลง ก็ถึงเวลาแห่งการเฉลิมฉลองให้กับผู้ชนะ และเวลาในการปลอบใจ รวมถึงการกลับมาเริ่มต้นใหม่เพื่อแก้ไขข้อบกพร่อง ซึ่งผู้ชนะและผู้แพ้จะได้พบเจอกันอีกครั้ง ในการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 29 ณ ประเทศมาเลเซีย ในปี 2017 ซึ่งเชื่อว่าการแข่งขันจะต้องดุเดือด เร้าใจ และมีเรื่องราวให้เราได้กล่าวถึงกันอีกครั้งอย่างแน่นอน
Credit : http://www.thairath.co.th/