วันที่ 11 พ.ค. เอเอฟพีรายงานว่า ทางการอินโดนีเซียและมาเลเซียเร่งช่วยเหลือชาวมุสลิมโรฮิงยาเกือบ 2,000 คน ที่ถูกทิ้งให้เคว้งคว้างในเรือกลางทะเล หลังลี้ภัยมาจากบังกลาเทศ และรัฐยะไข่ ในพม่า การช่วยเหลือในช่วง 2 วันที่ผ่านมา พบว่ากลุ่มค้ามนุษย์นำเรือที่บรรทุกชาวโรฮิงยาและชาวบังกลาเทศมาทิ้งไว้กลางทะเล 7 ลำ ในจำนวนนี้รวมถึงลำที่หน่วยกู้ภัยอินโดนีเซียเข้าช่วยเหลือไว้ได้ 573 คน และอพยพไปยังศูนย์พักพิงชั่วคราวที่จังหวัดอาเจะห์ เมื่อวันที่ 10 พ.ค. ส่วนอีก 3 ลำ ลอยมาใกล้ฝั่งที่เกาะลังกาวี ของมาเลเซีย มีจำนวนคนบนเรือ 1,018 ราย
รายงานวิเคราะห์ว่า สถานการณ์ชาวโรฮิงยาถูกทิ้งกลางทะเลเกิดขึ้นไล่หลังปฏิบัติการกวาดล้างขบวนการค้ามนุษย์ของเจ้าหน้าที่ไทย หลังพบศพชาวมุสลิมโรฮิงยา อย่างน้อย 33 ศพ และหลุมอีกกว่า 70 หลุม ในพื้นที่ติดพรมแดนไทย-มาเลเซีย เป็นสาเหตุที่ทำให้แก๊งค้ามนุษย์เร่งลำเลียงชาวโรฮิงยาออกนอกประเทศไทย เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกดำเนินคดี
ตำรวจมาเลเซียระบุว่า เรือ 3 ลำ ที่บรรทุกชาวมุสลิมโรฮิงยา 1,018 คน และชาวบังกลาเทศอีก 555 คน เป็นผู้หญิง 101 คน และเด็กอีก 52 คน ถูกปล่อยลอยลำกลางทะเลมายังเกาะลังกาวีตั้งแต่วันที่ 10 พ.ค. ที่ผ่านมา ด้วยเชื้อเพลิงจำกัด และไม่มีอาหารหรือน้ำดื่มบนเรือ ผู้ลี้ภัยที่ช่วยเหลือได้จึงอยู่ในสภาพขาดน้ำและหิวโหย นายจาฮานกีร์ ฮุสซิน ผู้ลี้ภัยโรฮิงยา ให้สัมภาษณ์กับสื่อต่างประเทศว่า นายหน้าแก๊งค้ามนุษย์พาตนและผู้ลี้ภัยซึ่งในจำนวนนี้มีเด็กรวมอยู่ด้วย 92 คน ล่องเรือออกทางจากประเทศไทยและกำลังจะไปมาเลเซีย แต่เรือลอยออกนอกทิศทางมายังอินโดนีเซียแทน
ขณะที่นายดาร์ซา มุสลิมโรฮิงยาอีกคนที่ได้รับความช่วยเหลือจากทางการมาเลเซีย กล่าวว่า บนเรือลำหนึ่งที่นั่งมามีผู้ลี้ภัยมีผู้หญิงโดยสารมาด้วย 83 คน ในจำนวนนี้มี 1 คน ที่กำลังตั้งครรภ์ และเด็กอีก 41 คน ตนทราบจากผู้โดยสารคนหนึ่งที่พูดภาษามลายูได้ว่า นายหน้าบอกให้ว่ายน้ำเข้าฝั่งเมื่อเรือลอยเข้าใกล้เกาะ พวกตนจึงทำตาม กระทั่งหน่วยกู้ภัยมาเลเซียช่วยเหลือ
นายอัลวี อิบราฮิม รมว.มหาดไทยมาเลเซีย ให้สัมภาษณ์ถึงประเด็นพบศพมุสลิมโรฮิงยาจนเกิดการสอบสวนหาต้นตอของค่ายพักพักโรฮิงยาที่เป็นเหยื่อขบวนการค้ามนุษย์ในไทย ว่าไม่มีค่ายลี้ภัยผิดกฎหมายของชาวโรฮิงยาในแผ่นดินมาเลเซียอย่างแน่นอน
Credit : http://www.khaosod.co.th/