Samsung Gear S นาฬิกาอัจฉริยะรุ่นใหม่ล่าสุดที่เพิ่งเปิดตัวกันไปบ้าง
จุดเด่นของ Gear S รุ่นใหม่ล่าสุดที่ไม่พูดถึงไม่ได้ คงเป็นเรื่องของ ความสามารถในการใส่ซิมการ์ด ซึ่งนั้นทำให้Samsung Gear S ทำงานโดยไม่จำเป็นต้องใช้สมาร์ทโฟนครับ
สำหรับสเปคของ Samsung Gear S เป็นดังนี้
– หน้าจอขนาด 2 นิ้ว แบบ Super AMOLED ความละเอียด 360 x 480 พิกเซล
– หน่วยประมวลผลแบบ Dual-Core Processor ความเร็ว 1 GHz
– RAM 512 MB
– แบตเตอรี่ขนาด 300 mAh รองรับการใช้งานได้นาน 2 วัน
– หน่วยความจำภายในตัวเครื่อง ขนาด 4 GB
– กันน้ำกันฝุ่นตามมาตรฐาน IP67 อยู่ในน้ำลึก 3.2 ฟุต ได้นาน 30 นาที
– รองรับ 2G, 3G, Wi-Fi
– รองรับ GPS พร้อม A-GPS, Bluetooth 4.1 และ USB 2.0
– สามารถโทรออก และรับสายได้
– รันแพลทฟอร์ม Tizen
รีวิว Samsung Gear S: แนวคิด และ การออกแบบ
ซัมซุง เกียร์ เอส ออกแบบให้แสดงผลบนจอโค้ง 2 นิ้ว ซูเปอร์ อะโมเลด เน้นดีไซน์ตัวเรือนหรู ยูสเซอร์อินเตอร์เฟสที่สวยและใช้งานง่าย คุณสมบัติต่าง ๆ เช่น การแสดงผลในแบบ บทสนทนา (Conversation View) และการบีบตัวอักษร (Condensed Font) ช่วยผู้ใช้สามารถอ่านข้อความและการแจ้งเตือนต่าง ๆ ได้
เพียงแค่ชำเลืองตามอง สายรัดข้อมือยืดหยุ่นและเปลี่ยนได้ ปรับเปลี่ยนลักษณะการแสดงผลหน้าจอได้เอง
สายรัดข้อมือมีความหนานิดหน่อยไม่หนามาก ส่วนนี้สามารถอดออกเปลี่ยนสายได้
ช่องสำหรับใส่ซิมการ์ด ซึ่ง ซัมซุง เกียร์ เอส รองรับเพียง “นาโนซิม” เท่านั้น
ด้านหลังตัวเรือนมีเซ็นเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจ
ที่เชื่อมต่อสำหรับชาร์จแบตเตอรี่
ลองชาร์จแบตเตอรี่จะมีไฟแสดงสถานะให้เห็นชัดเจน
เชื่อมต่อเครือข่าย 3G บลูทูธ และไว-ไฟ เปิดรับข้อมูล ทั้งการแจ้งเตือนต่างๆ จากสังคมออนไลน์ ปฏิทิน และแอพพลิเคชั่นต่างๆ แม้ไม่ได้พกโทรศัพท์ติดตัว
ผู้ใช้ก็สามารถตอบข้อความที่ส่งเข้ามาได้ทันทีโดยการพิมพ์บนคีย์บอร์ดบนหน้าจอหรือใช้ฟังก์ชั่น S-Voice ที่ได้พัฒนาใหม่ รวมถึงการโทรออกหรือรับสายได้โดยตรง หรือรับสายที่โอนเข้ามาจากสมาร์ทโฟน
แถมมีแอพพลิเคชั่น Nike + Running ช่วยให้นักวิ่งสามารถเก็บข้อมูลการวิ่ง โดยไม่ต้องพกสมาร์ทโฟนติดตัวไปด้วย
รีวิว Samsung Gear S: UI (user interfece) และ การใช้งานเบื้องต้น
Samsung S เกียร์ (SM-R750) เป็นนาฬิกาที่มีสไตล์สมาร์ทที่มีขนาดหน้าจอ SuperAMOLED ขนาดสองนิ้วแสดงผลชัดเจน โค้งรับกับข้อมือ ใช้ระบบปฏิบัติการ Tizen และมีอินเตอร์เฟซที่เรียบง่าย ทำให้ใช้งานได้สะดวก ซึ่งสามารถอ่านข้อความที่เข้ามาและการแจ้งเตือนต่างๆ โดยไม่ต้องเรียนรู้การใช้งานใหม่ให้ยุ่งยาก
ไม่เพียงแต่เชื่อมต่อโดยใช้บลูทูธเท่านั้น แต่ยังมี 3G และ WiFi อีกด้วย ดังนั้นถ้าคุณขาดการเชื่อมต่อโดยบลูทูธกับสมาร์ทโฟน Samsung Gear S จะเปลี่ยนการเชื่อมต่อโดยอัตโนมัติไปยังสมาร์ทโฟนของคุณได้ทันที
สามารถตอบโต้ข้อความต่างๆ ได้โดยตรงโดยใช้แป้นพิมพ์บนหน้าจอ หรือการสั่งงานด้วยเสียงผ่านทาง S-Voice นอกจากนี้ยังสามารถโทรออก หรือรับสายบนข้อมือของคุณได้อีกด้วย ซึ่งเป็นการเหมาะกับการออกกำลังกายต่างๆ
รวมถึงมีเซ็นเซอร์หลายชนิดที่ทำงานควบคู่ไปกับแอปพลิเคชั่น S-Health เช่น Heart Rate Sensor และ UV Sensor
Samsung Gear S มีการรับรองจาก IP67 ซึ่งหมายความว่าเป็นอุปกรณ์ที่มีการป้องกันฝุ่น และสามารถกันน้ำได้และSamsung Gear S มีระบบ A-GPS และ GPS ภายในตัวเพื่อสะดวกใช้ในการนำทาง
รีวิว Samsung Gear S: บทสรุปการใช้งาน
Samsung Gear S นั้น มีอินเตอร์เฟซที่เรียบง่าย ใช้งานได้สะดวก ใช้เพียงแค่การเคาะจอ จิ้มจอ หรือรูดจอ เพื่อเข้าเมนู และอ่านข้อความที่เข้ามา รวมถึงการแจ้งเตือนต่างๆ อีกทั้งยังสามารถสั่งงานด้วยเสียงผ่าน S-Voice ได้อีกด้วย
นอกจากนี้ความน่าสนใจยังอยู่ที่เซ็นเซอร์ต่างๆ มี Heart Rate Sensor หรือเซ็นเซอร์วัดอัตราการเต้นของชีพจร โดยใช้คู่กับแอปพลิเคชัน S Health เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการดูแลสุขภาพเป็นหลัก ส่วนเซ็นเซอร์อีกตัวก็คือ UV Sensor หรือวัดความเข้มของแสงนั่นเอง
ไม่เพียงเท่านั้น Samsung Gear S มีระบบ A-GPS และ GPS ภายในตัวเพื่อสะดวกในการนำทาง ทำให้เหมาะกับการออกกำลังกาย อีกทั้งแบตเตอรี่สามารถใช้งานได้ถึง 2 วันเป็นอย่างน้อย ทำให้สามารถใช้งานได้ต่อเนื่อง
สำหรับราคาของ Samsung Gear S ในไทยยังไม่ระบุ แต่ต่างประเทศอยู่ที่ประมาณ 11,900 บาท ไม่รวมภาษี (Pre Order) เรียกได้ว่าราคาแรงมาก ถ้าเทียบกับ Smart Watch ในท้องตลาด ซึ่งมีราคาไม่เกิน 6,000 บาท แต่ถ้าหากมองถึงเรื่องฟีเจอร์ต่างๆ และลูกเล่นใหม่ๆ ที่เหมาะกับการออกกำลังกาย รวมถึงสามารถใช้เป็นโทรศัพท์ได้ ก็น่าสนใจ
ถ้าหากคุณใช้สมาร์ทโฟนของซํมซุงอยู่แล้ว นี่ก็เป็น Gadget อีกหนึ่งอย่างที่น่าจะมีไว้ใช้งาน แต่ถ้าไม่ได้ใช้สมาร์ทโฟนของซํมซุงคงไม่ต้องมองเพราะถ้าจะซื้อ Samsung Gear S ใช้งาน ก็ต้องซื้อโทรศัพท์ใหม่ของซัมซุงอีกด้วย -*-
จุดเด่นของ Samsung Gear S
• จอโค้ง 2 นิ้ว ซูเปอร์ อะโมเลด มีความคมชัดมากเมื่อเทียบกับผลิตภัณท์แบบเดียวกันในท้องตลาด
• ใช้คู่กับสมาร์ทโฟนของซัมซุงได้ทุกรุ่น เพียงแค่เชื่อมต่อ Bluetooth และลงแอปพลิเคชั่น Samsung Gear
• สามารถเชื่อมต่อผ่านไวไฟได้
• สามารถใส่ซิมเพื่อใช้แทนโทรศัพท์ได้
• สามารถตรวจสอบการเต้นของชีพจร และเก็บบันทึกเป็นสถิติได้
• สามารถใช้งานได้ถึง 2 วัน
• สามารถโดนน้ำ(อาบน้ำ) และโดนเหงื่อได้
• สายรัดข้อมือสามารถเปลี่ยนได้ และถอดมาทำความสะอาดได้ง่าย
• มีร้านค้าสำหรับแอปพลิเคชั่น หรือรูปแบบตกแต่งโดยเฉพาะ ใน Galaxy Apps
จุดด้อยของ Samsung Gear S
• ใช้ควบคู่กับสมาร์ทโฟนของซัมซุงได้เท่านั้น
• แอปพลิเคชั่น S-Health ที่ใช้คู่กันมีพีเจอร์น้อยมาก
• ไม่มีกล้อง
• แอปพลิเคชั่นที่รองรับยังมีปริมาณน้อยมาก อีกทั้งยังมีราคาแพง
• ทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนสมาร์ทโฟนต้องล้างเครื่องใหม่ทุกครั้ง ไม่สามารถใช้คู่กับสมาร์ทโฟนได้หลายๆ เครื่อง
• S-Voice ยังไม่รองรับภาษาไทย
• ถ้าแบตหมด ยืมที่ชาร์จใครก็ไม่ได้เพราะต้องชาร์จไฟผ่านแท่นชาร์จเท่านั้น
รีวิวโดย คุณาวุฒิ กิจบุรินทร์
Credit : http://hitech.sanook.com/